August 29, 2019 News

10 แนวคิด เทคนิค และวิธีการขายของออนไลน์ให้ยอดขายปัง

ทุกวันนี้การขายสินคนบนโลกออนไลน์เป็นที่นิยมกันอย่างมากโดยเฉพาะบน facebook ,Instagram และ line  ซึ่งจากสถิติต่างๆก็จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ขายสินค้าบนโลกออนไลน์มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

แล้วคุณล่ะเตรียมธุรกิจให้พร้อมแล้วหรือยัง? ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนแล้วล่ะก็ วันนี้เรามี 10 แนวคิด เทคนิค และวิธีการขายของออนไลน์ให้ยอดขายปังมาฝากกันเลย

1. คุณจะต้องเข้าใจธุรกิจของตัวเองก่อน

ธุรกิจแต่ละประเภทมีแนวคิด เทคนิค และวิธีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็แบ่งเป็นธุรกิจ B2B และ B2C ก็จะมีความแตกต่างกันไปอีก เราเลยขอลองเอา Business Model Canvas (BMC) มาให้ดูเพื่อเป็น Guideline ให้คุณดูก่อนเลย พอจะเห็นภาพมากขึ้นกันบ้างหรือเปล่า

2. เข้าใจธุรกิจแล้ว การเข้าใจลูกค้าก็สำคัญไม่แพ้กัน

หากใครทำธุรกิจต้องรู้ไว้เลยว่าลูกค้าคือพระเจ้าจริงๆ ถ้าคุณสามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ มันจะนำพาไปสู้ขุมทรัพย์ที่ขุดไม่หมดเลยเชียวล่ะ เพราะฉะนั้นขอแนะนำให้ลองสร้าง Buyer Persona ขึ้นมาก็ช่วยให้คุณรู้จักลูกค้ามากยิ่งขึ้น และหากถ้าคุณมี Digital Asset เป็นของตัวเอง อาทิเช่น เว็บไซต์ก็อย่าลืมติดเครื่องมือ Google Analytics ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคด้วยก็จะดีมาก

3. การเข้าใจคู่แข่งมีชัยไปกว่าครึ่ง

หากคุณมองว่าธุรกิจของคุณดีอยู่แล้ว จริงๆ หากไปเทียบกับคู่แข่งคุณอาจจะดูด้อยกว่าก็เป็นไปได้เสมอ ทางที่ดีคือคุณควรศึกษาดูว่าคุณกับคู่แข่งมีจุดแตกต่างกันอย่างไรบ้าง อะไรที่คุณทำแล้วดีกว่า และอะไรที่คู่แข่งทำแล้วดีกว่า มันก็จะทำให้คุณเกิดไอเดียในการต่อยอดธุรกิจได้อีกเยอะเลยล่ะ และถ้าพูดถึง Digital Asset ที่คุณมี ลองใช้เครื่องมือ Similarweb ที่เอาไว้เช็คข้อมูลเว็บไซต์ของคุณและคู่แข่งดูสิ อาจจะได้ข้อมูลดีๆ อีกมากมายให้คุณพัฒนาธุรกิจด้านออนไลน์ได้เหมือนกัน

4. Social Media อย่าลืมใช้ให้ถูกต้อง

ปัจจุบันแทบทุกธุรกิจหากไม่มีเว็บไซต์อย่างน้อย Social Media ก็ต้องมีกันหมด ขึ้นอยู่กับว่า Platform อันไหนที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เช่น ถ้าคุณอยากขายเสื้อผ้า มันคงจะไม่ช่วยให้คุณขายดีขึ้นหากคุณไปใช้ LinkedIn เขียนถึงบริษัทและทีมงานบริษัทของคุณ ทางที่ดีคุณควรใช้ Instagram น่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่าเพราะเป็นเครื่องมือที่ไว้อัปโหลดรูปเพื่อสร้าง story ของคุณโดยเฉพาะ พอจะเห็นภาพออกกันแล้วใช่ไหมเอ่ย?

5. ใช้ Marketplace สิ ช่วยได้เยอะ

การเอาธุรกิจตัวเองไปอยู่ในพื้นฐานที่ลูกค้ามีโอกาสซื้อสินค้าอยู่แล้วจะช่วยทำให้คุณขายของออนไลน์ได้ดีขึ้น ถ้าคุณขาย Physical Product (สินค้าที่จับต้องได้) Lazada, Shopee และ JD คือที่ที่คุณควรที่จะพิจารณาใช้งาน และถ้าคุณขายอาหารก็ลองติดต่อไปยัง LINE Man, Grab หรือ GET ดูได้

6. จำไว้เลยว่าข้อมูลลูกค้าคือพลังและอำนาจสำคัญ

หากคุณขายของออนไลน์ตามเว็บไซต์ Social Media หรือ Marketplace อย่าลืมเลยว่าข้อมูลพื้นฐานที่ได้จากลูกค้าสำคัญมาก โดยข้อมูลที่เราจะได้แบบเบสิคคือ ชื่อ อีเมล เบอร์โทร และความชอบของลูกค้ารายบุคคล

7. มีให้ก็ต้องมีรับ

ถ้าคุณอยากดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อสินค้าของคุณหรือทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์คุณมากขึ้น ก็ต้องรู้จักให้เสียก่อน ซึ่งการให้ในที่นี้ ถ้าให้มองภาพชัดๆ อาจจะเป็นการแจกสินค้าทดลองใช้หรือให้โปรโมชั่นส่วนลดพิเศษ เป็นต้น เพราะฉะนั้นเมื่อให้แล้วสิ่งที่ตามมาคือการรับ การรับในที่นี้คือยอดขายนั่นเอง หรือเป็นข้อมูลของลูกค้า เพื่อเอาไว้ทำ CRM ได้ในอนาคต

8. หาโรบอทมาช่วยขายของ

เทคโนโลยี Chatbot ก็สามารถช่วยคุณขายของได้มากเช่นเดียวกัน Chatbot ของไทยอย่าง AIYA, Zwiz.ai หรือ Onechat นั้นช่วยให้คุณสามารถขายของให้กับลูกค้าผ่านทั้ง Facebook และ LINE ได้อย่างอัตโนมัติ แต่ข้อแนะนำคือก่อนจะทำ Chatbot จริงๆ พยายามคิด Flow การสื่อสารของ Bot ให้ดี หากคุณวาง Flow ไม่ดี สุดท้ายแล้วคุณจะเหนื่อยเองและทำให้ลูกค้าหงุดหงิดใจอีกด้วย

9. รู้จักบริหารสื่อออนไลน์ให้เป็น

ช่องทางออนไลน์นั่นแบ่งเป็น 3 ช่องทาง คือ Paid Earned และ Owned คุณอย่าลืมเอาธุรกิจตัวเองไปฝังตามช่องทางนี้ด้วยล่ะ

Paid คือการจ่ายเงินเพื่อทำให้ลูกค้าเข้ามาซื้อของของคุณ ซึ่งสำหรับช่องทางออนไลน์แล้วตัวอย่างของ Paid Media ก็เช่นการซื้อ Facebook Ads, Google Ads, LINE Ads หรือ Twitter Ads

Earned คือการทำให้คนพูดถึงและดึงคนเข้ามาซื้อของของคุณเอง เช่นการทำ PR หรือ Media Outreach (ในหลายๆ ครั้ง Earned อาจจะเป็น Paid ได้ เช่นคุณจ่ายเงินจ้าง Influencer หรือ Media ทำ Advertorial เป็นต้น)

Owned คือช่องทางที่คุณเป็นเจ้าของซึ่งได้แก่ช่องทางอย่างเว็บไซต์หรืออีเมลของลูกค้าที่คุณสามารถควบคุมได้มากหน่อย และช่องทางอย่าง Social Media ที่คุณควบคุมได้น้อยหน่อย

10. ทดสอบ ทดสอบ และทดสอบ

โลกของเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สินค้าก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ บ้างก็เปลี่ยนไปตามเทรนด์ต่างๆ มากมาย วิธีการเบื้องต้นที่ง่ายที่สุดในการวัดผลและทดสอบคือการใช้เครื่องมือพื้นฐานที่ (ควรจะ) ผูกติดกับช่องทางออนไลน์ของคุณอยู่แล้วอย่างเช่น Google Analytics สำหรับเว็บไซต์ หรือเครื่องมือ Analytics ของ Social Media ต่างๆ หรือถ้าคุณลงทุนในเทคโนโลยีอื่นๆ คิดว่าคุณควรจะหาเทคโนโลยีที่ไม่ใช่แค่ให้คุณช่วยขายได้ดีขึ้น แต่ต้องช่วยให้คุณเข้าใจเหตุและผลของการขายดีขึ้นของคุณด้วย

คราวนี้ตาคุณแล้วล่ะ คุณมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนในการสร้างยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ให้ปัง หากคุณไม่มั่นใจหรือต้องการที่ปรึกษาที่ดี ทีมงาน Clisk ยินดีเป็นที่ปรึกษาให้คุณเสมอ 🙂



About the Author

Bo: CLISK ให้บริการ Social Media Marketing ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำ