เจาะลึกเทรนด์ Creator Commerce…โอกาสและความท้าทายในโลก Digital Marketing

เคยสงสัยหรือไม่ว่า อะไรคือปัจจัยที่ทำให้แบรนด์เล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นสามารถสร้างยอดขายถล่มทลายได้ในเวลาอันสั้น? หรือทำไมยอดขายจากผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิด (Influencer) จึงมีน้ำหนักมากกว่าโฆษณาแบบเดิมๆ? คำตอบของคำถามเหล่านี้กำลังชี้ไปยังปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Creator Commerce นั่นเอง

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงแก่นแท้ของ Creator Commerce ที่ไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นกลยุทธ์ที่กำลังกำหนดทิศทางใหม่ของ E-commerce และ Digital Marketing ในอนาคต เราจะมาทำความเข้าใจว่า Creator Commerce คืออะไร, แตกต่างจาก Influencer Marketing อย่างไร, และที่สำคัญที่สุดคือ โอกาสและความท้าทายที่รออยู่สำหรับนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจ ที่ต้องปรับตัวให้ทันกับคลื่นลูกใหม่แห่งการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์ของคนจริงๆ

Creator Commerce กำลังพลิกโฉมวงการ E-commerce จากการซื้อขายที่เน้นแบรนด์เป็นศูนย์กลาง ไปสู่การค้าที่ขับเคลื่อนด้วยบุคคลและชุมชนที่แข็งแกร่ง แล้วมันดีอย่างไร? 

  1. มุ่งเน้นไปที่การขายโดยตรงผ่านลิงก์ Affiliate, Live Shopping หรือการติดตะกร้าสินค้า ทำให้วัดผลได้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากกว่า (การสร้างยอดขายแบบ Conversion-driven)
  2. สร้าง Organic Traffic และ Backlink คุณภาพสูง (มุมมอง SEO) ที่เป็นธรรมชาติ
  3. แบรนด์เข้าถึง “Niche Community” ได้อย่างลึกซึ้ง ผ่านการใช้ Creator Commerce ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทำให้แบรนด์สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและมีส่วนร่วมสูงได้อย่างแม่นยำ
  4. ลดต้นทุนทางการตลาด โดยการใช้ Affiliate Program หรือการจ่ายค่าคอมมิชชั่นตามยอดขาย ทำให้แบรนด์สามารถควบคุมงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากการโฆษณาที่ไม่ได้ผล

แล้วในประเทศไทยมีแพลตฟอร์มและเครื่องมือที่ช่วยให้ Creator Commerce เติบโตอย่างรวดเร็วมีอะไรบ้าง?

  • TikTok Shop แพลตฟอร์มที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ Creator สามารถสร้างคอนเทนต์วิดีโอสั้นหรือไลฟ์สดพร้อมติด “ตะกร้าสินค้า” ได้โดยตรง ซึ่งทำให้ผู้ติดตามสามารถซื้อสินค้าได้ทันที เป็นเครื่องมือสำคัญที่ผสานความบันเทิงเข้ากับการขายได้อย่างลงตัว
  • Shopee/Lazada Affiliate Program แพลตฟอร์ม E-commerce ยักษ์ใหญ่ที่เปิดให้ Creator เข้าร่วมโปรแกรม Affiliate เพื่อโปรโมตสินค้าที่หลากหลาย และรับค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายที่เกิดขึ้น
  • Facebook, Instagram Story และ X สามารถทำ Affiliate Program โดยใช้ลิ้งก์ขายสินค้าจากช่องทางอื่น ช่วยให้ Creator สามารถแนะนำสินค้าและรับค่าคอมมิชชั่นได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางหลักในการสร้างแบรนด์และสร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตาม

อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ การเลือก Creator Commerce ที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะชี้วัดความสำเร็จของแคมเปญเลยค่ะ เพราะ Creator ที่ใช่จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ Clisk ขอสรุปปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อเลือก Creator Commerce ดังนี้ค่ะ

1. ความสอดคล้องกับแบรนด์ (Brand Alignment)

ค่านิยมและตัวตน Creator ควรมีภาพลักษณ์, ค่านิยม, และแนวคิดที่สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณอย่างแท้จริง การที่ Creator มีความอินกับสินค้าหรือบริการอยู่แล้วจะช่วยให้การรีวิวหรือการนำเสนอเป็นไปอย่างธรรมชาติและน่าเชื่อถือ

กลุ่มเป้าหมาย Creator คนนั้นมีผู้ติดตามเป็นใคร? อายุเท่าไหร่? เพศอะไร? มีความสนใจในเรื่องใด? ข้อมูลเหล่านี้ต้องตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คุณ เพื่อให้มั่นใจว่าคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นจะเข้าถึงคนที่ใช่และมีโอกาสในการซื้อสูง

ประเภทคอนเทนต์ สไตล์การทำคอนเทนต์ของ Creator เข้ากับแบรนด์ของคุณหรือไม่? เช่น ถ้าแบรนด์ของคุณเน้นความหรูหรา การเลือก Creator ที่มีคอนเทนต์แนวตลกขบขันอาจไม่เหมาะสมนัก

2. ความน่าเชื่อถือและความจริงใจ (Authenticity and Trust) ในยุคที่ผู้บริโภคฉลาดขึ้น ความจริงใจเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด

Engagement Rate อย่าดูแค่จำนวนผู้ติดตาม (Followers) แต่ให้ความสำคัญกับอัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate) เช่น จำนวนไลก์, คอมเมนต์, แชร์ และยอดดู (View) ที่เป็นสัดส่วนกับจำนวนผู้ติดตาม เพราะสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงคุณภาพของคอมมูนิตี้และปฏิสัมพันธ์ที่แท้จริง

คุณภาพของคอมเมนต์ ลองดูในช่องคอมเมนต์ว่าผู้ติดตามมีการตอบสนองอย่างไร คอมเมนต์ที่ดูเป็นธรรมชาติและมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นย่อมดีกว่าคอมเมนต์สั้นๆ หรือคอมเมนต์ที่ดูเป็นบอท

ความสม่ำเสมอ Creator มีการทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ มากเกินไปหรือไม่? ถ้า Creator โฆษณาสินค้าทุกอย่างที่เข้ามา อาจทำให้ผู้ติดตามไม่เชื่อถือในระยะยาว

3. ผลลัพธ์ที่วัดผลได้ (Measurable Results) แม้ว่า Creator Commerce จะเน้นการสร้างยอดขาย แต่ก็ต้องดูผลลัพธ์ในภาพรวมด้วย

ยอดขาย (Conversion) นี่คือเป้าหมายหลักของ Creator Commerce ควรมีการกำหนด KPI (Key Performance Indicator) ที่ชัดเจน เช่น ยอดขายที่เกิดขึ้นผ่านลิงก์ Affiliate หรือโค้ดส่วนลดที่ Creator มอบให้

ข้อมูลเชิงลึก (Analytics) Creator ที่ดีควรสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของคอนเทนต์ได้ เช่น ยอดคลิก, ยอดวิว, หรือพฤติกรรมของผู้ชม ซึ่งจะช่วยให้คุณนำมาปรับปรุงแคมเปญในอนาคตได้

การสร้างการรับรู้ (Awareness) นอกจากยอดขายแล้ว การทำงานร่วมกับ Creator ยังช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ให้กับกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้อีกด้วย

4. ทักษะในการสร้างคอนเทนต์และการทำงาน (Skills and Work Ethics)

ความสามารถในการสร้างคอนเทนต์ Creator มีทักษะในการถ่ายทำ ตัดต่อ หรือเขียนคอนเทนต์ที่ดีพอที่จะนำเสนอสินค้าของคุณได้อย่างน่าสนใจหรือไม่

การสื่อสาร Creator สามารถสื่อสารกับแบรนด์ได้อย่างชัดเจนและเป็นมืออาชีพหรือไม่ ตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการส่งงาน

ความรับผิดชอบ Creator สามารถทำงานตามกำหนดเวลาและเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ได้หรือไม่

สรุป

การเลือก Creator Commerce ควรเริ่มจากการตั้งคำถามว่า “Creator คนนี้จะช่วยให้แบรนด์ของเราดูดีขึ้นและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้หรือไม่?” การพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ข้างต้นจะช่วยให้คุณเจอ Creator ที่ไม่ได้เป็นแค่ “คนขายของ” แต่เป็น “หุ้นส่วนทางธุรกิจ” ที่จะช่วยสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับแบรนด์ของคุณ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มองเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของ Creator Commerce แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือต้องการพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยวางกลยุทธ์และเชื่อมโยงแบรนด์ของคุณกับ Creators ที่เหมาะสม Clisk ยินดีที่จะเป็นที่ปรึกษาและลงมือทำร่วมกับคุณ

ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing เราพร้อมที่จะช่วยคุณวางแผน, เลือก Creator ที่ตรงจุด, และวัดผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ทุกการลงทุนของคุณสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและยั่งยืน

ให้ Clisk เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับแบรนด์ของคุณในยุค Creator Commerce ติดต่อเราวันนี้เพื่อเริ่มต้นสร้างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน!

Visited 56 times, 13 visit(s) today

Enhance your sales and marketing efficiency in Southeast Asia with our expert social media team—contact us today for professional support.