E-Commerce Think Big, Start Small, Win Bigger สร้างยอดขายด้วยธุรกิจติดตะกร้า ในปี 2025

“ธุรกิจติดตะกร้า” คือคำที่มักใช้ในวงการการตลาดออนไลน์ (โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ และ โซเชียลคอมเมิร์ซ เช่น TikTok Shop, Shopee, Lazada, Facebook Shops ฯลฯ) เพื่อสื่อถึง ธุรกิจที่สามารถทำให้ลูกค้าคลิก “เพิ่มสินค้าในตะกร้า” ได้ทันที โดยไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจนาน หรือ นิยามสั้นๆ ของ “ธุรกิจติดตะกร้า” คือ ธุรกิจที่สร้างประสบการณ์การขายแบบรวดเร็ว โดนใจ ตัดสินใจง่าย และซื้อได้ทันทีบนแพลตฟอร์มออนไลน์

จุดเด่นของ “ธุรกิจติดตะกร้า”

1. มีสินค้าราคาเข้าถึงได้ (เช่น ไม่แพงเกินไปสำหรับ impulse buy)
2. มีคอนเทนต์ รีวิวกระตุ้นการตัดสินใจ เช่น คลิป TikTok ที่โชว์ผลลัพธ์ก่อน-หลัง
3. ระบบสั่งซื้อสะดวก เช่น มีลิงก์ไปหน้าสินค้าใน TikTok Shop หรือ Shopee ทันที
4. จุดขายชัด เช่น “ลดสิวใน 7 วัน” หรือ “ซักคราบฝังแน่นใน 3 นาที”
5. มีโปรโมชั่น ฟีลเร่งตัดสินใจ เช่น Flash Sale, แจกคูปอง, ส่งฟรี

กลับมาปี 2025 เทรนด์ E-Commerce นั้นก็แบ่งได้เป็น 5 รูปแบบด้วยกัน

1. Marketplace Commerce รูปแบบการค้าขายออนไลน์ที่เกิดขึ้นผ่าน “แพลตฟอร์มกลาง” ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ เช่น Shopee ตลาดสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย, Lazada คู่แข่ง Shopee ที่มีระบบ Fulfillment และโปรโมชั่นแข็งแรง
2. Video Commerce หมายถึงการ ขายของผ่านวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสั้น (Short-form video) หรือวิดีโอแบบรีวิว สาธิตสินค้า โดยผู้ชมสามารถ ซื้อสินค้าได้ทันทีจากวิดีโอนั้น เช่น TikTok Video with Product Tag วิดีโอสั้นที่ฝังปุ่ม “ดูสินค้า” หรือ “ซื้อเลย”, YouTube Shopping ครีเอเตอร์ฝังลิงก์สินค้าระหว่างคลิป, Shopee Video ที่มีรูปแบบคล้ายกับ TikTok
3. Live Commerce คือการขายของแบบ Real-Time ผ่านการไลฟ์สด (Live Video) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมสามารถ ดูสินค้า พูดคุย สั่งซื้อได้ทันทีในระหว่างที่กำลังไลฟ์อยู่
4. Chat Commerce คือรูปแบบการซื้อขายสินค้าผ่าน แชตแบบโต้ตอบ (chat-based platform) ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับแอดมิน คนขาย หรือบอท (AI) ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เช่น LINE OA (Official Account) ลูกค้าแชตเข้ามาสอบถาม ปิดการขายผ่านแชต, Facebook Messenger ใช้ตอบคำถามลูกค้า ส่งลิงก์สินค้า / ใบเสนอราคา / เก็บออเดอร์
5. Quick Commerce คือ “การค้าปลีกออนไลน์ที่เน้นความเร็วในการจัดส่ง” โดยลูกค้าสั่งสินค้าได้ผ่านแอปหรือเว็บไซต์ และ ได้รับของภายในเวลาสั้นมาก เช่น 10–30 นาที หรือไม่เกิน 1 ชั่วโมง เช่น 7-Eleven Delivery / All Online ส่งไวใน 30–60 นาที (ขึ้นกับพื้นที่), GrabMart สั่งของกินของใช้จากร้านสะดวกซื้อ, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านดอกไม้ ฯลฯ

นอกจากนี้เทรนด์อื่นๆ ที่เจ้าของช่อง อาตี๋รีวิว https://www.tiktok.com/@arteereview ได้มาแชร์ ได้แก่

• เทรนด์ Affiliate นักป้ายยา คือ ผู้ที่ใช้คอนเทนต์ในการรีวิว บอกต่อสินค้า พร้อมแนบลิงก์ Affiliate (ลิงก์ที่มีการติด Tracking) เพื่อให้เกิดยอดขาย และเจ้าตัวจะได้รับ “ค่าคอมมิชชั่น” ทุกครั้งที่มีคนซื้อสินค้าผ่านลิงก์นั้น และสามารถทำได้ช่องทางที่หลากหลาย เช่น TikTok Shop Affiliate, Shopee/Lazada Affiliate, 7-11, Lotus, Macro ที่มีระบบ Affiliate ที่ทำขึ้นเอง
• Video Commerce มาแรง! ไม่ใช่แค่ดูสนุก แต่ขายของก็ปัง! และที่สำคัญวีดีโอต้องมีคุณภาพ เน้นคุณค่ามากขึ้น ไม่ได้แค่บอกโปรโมชั่นเท่านั้น แต่จะต้องวางกลยุทธ์ทำคอนเทนต์สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจมากขึ้น มีความ specialized มากขึ้น คาแรคเตอร์ชัดเจน
• โอกาสของแบรนด์มีมากขึ้น เพราะใครๆ ก็เป็น Content Creator สำหรับทำเป็นอาชีพเสริมได้ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ตอบโจทย์ในยุคเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน… การมี “รายได้ทางเดียว” อาจไม่พอ
• เทรนด์การปักตะกร้าร้านอาหาร อาจมาเร็วๆ นี้ เพราะปัจจุบันที่จีนมีการทำ affiliate ปักตะกร้าร้านอาหารกันแล้ว

ในปี 2025 พฤติกรรมของผู้บริโภคออนไลน์เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากการ “กดดูสินค้าในเว็บ” กลายมาเป็น “ดูคลิปแล้วกดซื้อทันที” แพลตฟอร์มขายของจึงไม่ใช่แค่ Marketplace แบบเดิมอีกต่อไป แต่กำลังเปลี่ยนสู่โลกของ Video Commerce, Live Commerce และ Social Commerce อย่างเต็มรูปแบบ 

สุดท้าย แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในปี 2025 ไม่ใช่แค่แบรนด์ที่มีของดี แต่คือแบรนด์ที่ วางกลยุทธ์ข้ามแพลตฟอร์มอย่างชาญฉลาด เชื่อมต่อทุกช่องทางให้ลูกค้าเจอ เข้าใจ ตัดสินใจซื้อได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็น TikTok, IG, LINE, Facebook, Marketplace หรือ Live

เพราะโลกของ E-Commerce ไม่ได้แข่งกันที่ “ใครมีของเยอะ” แต่แข่งกันที่ “ใครเข้าใจคนซื้อได้เร็วกว่า” และ “ใครตอบสนองได้ทันก่อนคนอื่น”