เคล็ดลับเพิ่ม Conversion Rate ให้กับเว็บไซต์ของคุณไม่ยากอย่างที่คิด แค่ทำตามนี้!

ช่วงวิกฤตโควิด-19 แบบนี้ ผู้บริโภคต่างอยู่ที่บ้านกันมากขึ้น และการซื้อสินค้าออนไลน์ก็เติบโตไปด้วยเช่นกัน ดีงนั้นสำหรับผู้ประกอบการที่อยากเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจอีคอมเมิร์ซในช่วงโควิด-19 แบบนี้ บอกเลยห้ามพลาดกับทริคเด็ดที่ Clisk จะมาแชร์ให้ฟังกันเลย

1. ส่ง Notification ไป จงทำให้มัน click ได้ ควรทำให้เกิดการกดได้ขึ้นมาถึงหน้าเว็บไซต์หรือหน้า Application ที่ต้องการเพื่อทำให้เกิดการซื้อสินค้าและบริการได้ทันทีที่ต้องการขึ้นมา

2. วิดีโอ วิดีโอจะช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้ถึง 80% นอกจากนี้ 64-85% ของผู้บริโภคยังชอบดูวิดีโอที่เกี่ยวกับสินค้า ก่อนตัดสินใจซื้อ

3. เล่นกับเวลา สั่งซื้อภายในวันนี้ ส่งฟรี!!, ลดราคาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น!!, สินค้ามีจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย 

4. รีวิวสินค้า การมีรีวิวสินค้าจะช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้ถึง 10% เพราะ 60% ของนักช้อปต้องการข้อมูล หรืออ่านรีวิวสินค้าก่อนซื้อ

5. สัญลักษณ์แสดงความปลอดภัยของเว็บไซต์ 48% ของผู้ที่เข้าเว็บจะให้ความสำคัญกับเครื่องหมายเหล่านี้

6. การชำระเงิน : ต้องแยกออกมาให้ชัดเจน ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ทุกอย่างต้องอยู่ในหน้าเดียว

7. มีวิธีการชำระเงินหลายช่องทาง และระบบการแปลงสกุลเงินต่างๆ ด้วย

8. เว็บต้องโหลดเร็ว 51% ของนักช้อปชาวสหรัฐฯ บอกว่าถ้าเจอเว็บที่โหลดช้า ก็พร้อมจะออกจากเว็บทันที นอกจากนี้ 41% ยังบอกว่า พวกเขาคาดหวังให้เว็บโหลดเสร็จภายใน 2 วินาที

9. มี Live Chat 63% ของผู้บริโภคบอกว่า พวกเขาจะกลับมายังเว็บไซต์อีกครั้งถ้ามี Live Chat เพื่อติดต่อกับแบรนด์ และ 38% บอกว่า จะซื้อสินค้าถ้ามี Live Chat คอยให้ข้อมูลสินค้า

10. อย่าลืมทำเพื่อมือถือ ในยุคนี้ที่ผู้บริโภคนั้นใช้มือถือเป็นส่วนใหญ่ การคิดเพื่อมือถือนั้นจึงจำเป็นอย่างมาก

11. Social Proof วิธีง่ายๆ เลยก็คือการใส่ social proof หรือ testimonial ลงไป

12. เพิ่มวันหมดอายุเข้าไป countdown timer ที่ใช้กับหน้าขายของ เพื่อให้ข้อเสนอพิเศษ แต่จะให้เฉยๆ มันก็น่าเบื่อ เอาเวลาที่เหลือกำกับไว้ด้วยก็ช่วยได้มาก

13. ใช้ Feature Box คือกล่องข้อความที่มักจะถูกแสดงผลอยู่ด้านบนของหน้าเว็บไซต์ ซึ่งมักจะอยู่ในตำแหน่งใต้ Header Navigation

14. ทำ Retargeting คือการทำให้ผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ เห็นบทความ หรือ โฆษณาของเราในแพลตฟอร์มต่าง ๆ อีกครััง ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้า หรือ ผู้ใช้จดจำ ทั้งยังช่วยในการตัดสินใจซื้อ

15. ปรับแต่งในส่วนของ Headline ดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าอ่านต่อ ให้คุณลองนึกถึงหนังสือพิมพ์หรือว่าแมกกาซีนก็ได้ สิ่งแรกที่คุณจะเห็นแล้วก็อ่าน ก็คือ “พาดหัวข่าว”

16. อย่าอัดเนื้อหาลงในหน้าเดียว ควรจะเลือกเนื้อหาที่เด่นๆ หรือคิดคำให้สั้นกระชับได้ใจความ เพราะการใส่เนื้อหาตัวอักษรเยอะๆไม่ได้แค่ฉุด Conversion Rate แต่อาจจะทำให้ผู้เข้าใช้บ๊ายบายเว็บไซคุณเลยก็ได้

17. การมี Navigation บนเว็บไซต์ Navigation อันนี้ไม่ใช่ผมจะให้คุณติด GPS แบบรถยนต์นะครับ แต่มันคือ ตัวบอกว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์กำลังอยู่ในหน้าไหนของเว็บไซต์ รวมถึงบอกหน้าเว็บไซต์ที่ผ่านมาด้วย

18. Personalize เว็บไซต์ของคุณ ผู้เข้าชมเว็บสิ่งไซต์แต่ละคนย่อมมีความสนใจและความต้องการที่แตกต่างกันออกไป นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม Personalization จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะวิธีนี้จะทำให้ผู้เข้าชมเว็บแต่ละคนได้เห็นคอนเทนต์ สินค้า ดีลพิเศษ รวมไปถึงข้อมูลต่างๆที่พวกเขาสนใจจริงๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขายของคุณ

19. A/B testing เปลี่ยนข้อความ CTA (Call-to-Action) เพราะง่าย และมีผลต่อการตัดสินใจได้ โดยทั่วไปเราก็มักจะใส่ข้อความง่ายๆ ประมาณว่า “Shop Now!” หรือ “ช้อปเลย!” แต่ถ้าเราทดลองเปลี่ยนข้อความเป็น “Explore the Collection” หรือ “ดูแบบที่เหมาะกับคุณ” มันก็อาจจะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นก็ได้

20. ผลิตเนื้อหาคุณภาพ เขียนคำโฆษณา (Copywriting) ให้สั้น กระชับ ชัดเจน เข้าใจง่าย และเนื้อหาให้ตรงกับอายุ เพศ รายได้ ของกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด

สรุป
เพราะในสนามแข่งขันจริงๆ การทำธุรกิจออนไลน์ ไม่เพียงแต่หาคนเข้าเว็บไซต์แล้วก็จบไป เพราะ หากเว็บไซต์ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ผู้ชมเว็บไซต์ของคุณก็จะปิดออกจากเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเราจึงต้องทำทุกทางเพื่อเปลี่ยนให้ผู้ชมเว็บไซต์ ให้กลายเป็นลูกค้าของเราให้ได้ ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ มากมายดังนี้

null
• กำหนด Buyer Persona – เพื่อทำความรู้จักลูกค้าที่แท้จริง
• เก็บข้อมูลของผู้ชมเว็บไซต์ให้ได้มากที่สุด – เพราะจะมีประโยชน์มาก กับการวิเคระห์ผู้ชมเว็บไซต์ และการทำ Remarketing
• ใช้ Conversion Rate – เพื่อเป็นตัวชี้วัด ว่าพวกเขาจะมาเป็นลูกค้าเราจริงๆ หรือเปล่า
• ทำให้ผู้ชมอยู่บนเว็บไซต์เรานานขึ้น – เพราะยิ่งนาน จะยิ่งเพิ่มโอกาสปิดการขาย ได้รวดเร็ว
• สร้างแรงจูงใจ ด้วยการยื่นข้อเสนอ – เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ชอบการ “ลด แลก แจก แถม” ยังคงใช้ได้กับทุกยุค ทุกสมัย

ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงตัวอย่างง่ายๆ เพราะยังมีอะไรในโลกออนไลน์ ให้คุณได้เรียนรู้อีกมากมาย แต่ลองใช้เท่านี้ดู แล้วคุณจะได้ลูกค้าเพิ่มเข้ามาอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียวล่ะ

Source : http://blog.templatemonster.com/2015/10/14/17-ecommerce-conversion-boosters-infographic/