ดึงดูดลูกค้าด้วย Google My Business บริการฟรีจาก Google ที่ทุกธุรกิจควรรู้จัก!
- Nov, 07, 2024
- News
Google My Business (GMB) คือแพลตฟอร์มที่ให้บริการโดย Google เพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถสร้างโปรไฟล์ธุรกิจออนไลน์ได้ฟรี โดยโปรไฟล์นี้จะปรากฏในผลการค้นหาของ Google Search และ Google Maps ทำให้ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจได้ง่ายขึ้น เช่น ชื่อธุรกิจ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เวลาเปิด-ปิด รูปภาพ รีวิว และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
GMB ช่วยเพิ่มการมองเห็นและดึงดูดลูกค้าที่อาจสนใจในสินค้าหรือบริการ โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ยังช่วยให้ธุรกิจมีช่องทางในการตอบกลับรีวิว แสดงโปรโมชั่น และอัปเดตข้อมูลให้ทันสมัย เพื่อให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีและเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น
Google My Business (GMB) มีความสำคัญอย่างมากสำหรับธุรกิจในยุคปัจจุบัน เช่น
1.เพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของธุรกิจ
เมื่อธุรกิจมี GMB จะช่วยให้ลูกค้าค้นหาข้อมูลธุรกิจได้ง่ายขึ้นผ่านการค้นหาบน Google Search และ Google Maps ทำให้ธุรกิจมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียงมากขึ้น
2.เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ
การมีข้อมูลที่ถูกต้อง เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เวลาเปิด-ปิด และรีวิวจากลูกค้า ทำให้ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้บริการได้ง่ายขึ้น
3.ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า
ลูกค้าสามารถหาข้อมูลที่ต้องการได้ทันที เช่น ข้อมูลการติดต่อ ทิศทางการเดินทาง และดูรูปภาพร้าน ซึ่งทำให้สะดวกต่อการตัดสินใจและสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการ
4.กระตุ้นให้เกิดการรีวิวและคำติชมจากลูกค้า
ระบบรีวิวบน GMB เปิดโอกาสให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นและรีวิว ทำให้ธุรกิจสามารถรับฟังความคิดเห็นและพัฒนาปรับปรุงการบริการได้
5.วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
GMB มีเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงพฤติกรรมของลูกค้า เช่น จำนวนผู้ที่ค้นหาธุรกิจ ข้อมูลการโทรเข้า การเข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างเหมาะสม
ธุรกิจที่ควรใช้ Google My Business (GMB) ควรเป็นธุรกิจแบบไหน?
ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจที่ต้องการเพิ่มการมองเห็นทางออนไลน์และต้องการเข้าถึงลูกค้าท้องถิ่นโดยเฉพาะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ธุรกิจทุกประเภทสามารถใช้ GMB เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้ ดังนี้
1.ร้านอาหารและคาเฟ่
ธุรกิจที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เบเกอรี่ ควรมี GMB เพราะลูกค้ามักค้นหาข้อมูลรีวิว เมนู รูปภาพ และเวลาเปิด-ปิด ก่อนตัดสินใจมาใช้บริการ
2.โรงแรมและที่พัก
ธุรกิจโรงแรม โฮสเทล รีสอร์ท หรือที่พักรูปแบบต่างๆ จะได้รับประโยชน์จาก GMB เพราะสามารถแสดงข้อมูลห้องพัก ราคา รีวิว และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
3.ร้านค้าและห้างสรรพสินค้า
ร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าเฉพาะด้าน เช่น ร้านเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง สามารถใช้ GMB เพื่อแสดงข้อมูลที่อยู่ เวลาทำการ โปรโมชั่นพิเศษ และรูปภาพสินค้า
4.ธุรกิจบริการท้องถิ่น
ธุรกิจท้องถิ่น เช่น ร้านซ่อมรถ ร้านซักรีด ร้านตัดผม คลินิกสุขภาพ และบริการทำความสะอาด ก็ควรใช้ GMB เพื่อให้ลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถค้นหาธุรกิจได้สะดวก
5.สปาและฟิตเนส
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ เช่น สปา ฟิตเนส โยคะคลาส จะได้ประโยชน์จากการใช้ GMB ในการแสดงข้อมูลรีวิว รูปภาพ และโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดลูกค้า
6.โรงพยาบาล คลินิก และสถานพยาบาล
สถานพยาบาลที่มีบริการเฉพาะทางหรือคลินิกทันตกรรม สามารถใช้ GMB เพื่อแสดงเวลาทำการ ที่อยู่ และรีวิวจากผู้รับบริการได้
7.ธุรกิจการศึกษา
โรงเรียน สถาบันกวดวิชา ศูนย์การศึกษา สามารถใช้ GMB ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ หลักสูตร รูปภาพ และความคิดเห็นจากผู้ปกครอง
ธุรกิจเหล่านี้สามารถใช้ GMB ในการเพิ่มการมองเห็นและโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ไม่ต้องใช้ต้นทุนมากแต่มีประสิทธิภาพสูงในการส่งเสริมธุรกิจ
การซื้อโฆษณาให้กับ Google My Business ดีอย่างไร?
การซื้อโฆษณาเสริมสำหรับ Google My Business (GMB) สามารถเป็นการลงทุนที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มการมองเห็นและต้องการดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งการใช้โฆษณาสามารถช่วยขยายผลของ GMB ได้ในหลายกรณี:
1.ดึงดูดลูกค้าใหม่ในพื้นที่ท้องถิ่น
หากธุรกิจคุณเน้นลูกค้าท้องถิ่น เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก หรือร้านบริการ การซื้อโฆษณา Google Ads ร่วมกับ GMB สามารถช่วยให้ธุรกิจขึ้นเป็นอันดับแรกในการค้นหาท้องถิ่น ทำให้ลูกค้าเห็นร้านค้าเมื่อพวกเขากำลังมองหาบริการใกล้ตัว
2.โปรโมทช่วงเทศกาลและโปรโมชั่นพิเศษ
หากธุรกิจของคุณมีโปรโมชั่นในช่วงเวลาเฉพาะ เช่น ช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว การซื้อโฆษณาเพิ่มเติมจะช่วยให้คนเห็นโปรโมชั่นมากขึ้น ซึ่งเป็นการดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการในช่วงเวลาที่กำหนด
3.เพิ่มยอดขายจากการจองหรือสั่งซื้อออนไลน์
สำหรับธุรกิจที่มีบริการจองออนไลน์ เช่น ร้านอาหารที่มีบริการจองโต๊ะ หรือร้านที่มีระบบสั่งซื้อออนไลน์ โฆษณาสามารถช่วยโปรโมทลิงก์สั่งซื้อออนไลน์บน GMB ได้ ทำให้ลูกค้าสามารถคลิกเข้ามาจองหรือสั่งซื้อได้โดยตรง
4.วิเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์
การใช้โฆษณาใน Google Ads ร่วมกับ GMB ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก เช่น จำนวนคลิกเข้าเว็บไซต์ จำนวนคนโทรเข้า หรือคนที่ขอเส้นทางไปยังร้าน ซึ่งช่วยให้สามารถปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างแม่นยำ
5.แข่งขันกับคู่แข่งในพื้นที่
หากในพื้นที่มีคู่แข่งหลายราย โฆษณาสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคู่แข่งไม่ได้ใช้โฆษณา
สรุป: ควรซื้อโฆษณาเสริมสำหรับ GMB หากต้องการเพิ่มการมองเห็นในช่วงเวลาหรือสถานการณ์ที่ต้องการดึงดูดลูกค้าเป็นพิเศษ หรือต้องการแข่งขันกับคู่แข่งในพื้นที่ แต่ควรเริ่มจากการวางงบประมาณอย่างพอดี และทดสอบผลลัพธ์เพื่อปรับปรุงการใช้โฆษณาให้เหมาะสม ซึ่งการวางแผนงบประมาณ Clisk ก็มีบริการในเรื่องของ Google Ads ด้วยเช่นกัน หากคุณสนใจขอคำปรึกษาเรื่องงบประมาณและใช้บริการกับ Clisk สามารถติดต่อได้ที่นี่
เมื่อใช้งาน Google Ads ร่วมกับ Google My Business (GMB) การติดตามและวัดผลโฆษณาจะช่วยให้คุณเข้าใจผลลัพธ์และประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้าและการเข้าถึงธุรกิจ ซึ่ง Metric หลักที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่:
1.จำนวนคลิก (Clicks)
การวัดจำนวนคลิกที่เกิดจากโฆษณาเป็นพื้นฐานสำคัญ โดยจำนวนคลิกบ่งบอกถึงจำนวนผู้ที่สนใจและกดเข้ามาดูข้อมูลเพิ่มเติม เช่น คลิกเพื่อไปยังเว็บไซต์ คลิกดูแผนที่ หรือคลิกเพื่อโทรหาธุรกิจ ซึ่งช่วยบ่งบอกถึงความน่าสนใจของโฆษณา
2.อัตราการคลิก (Click-Through Rate หรือ CTR)
CTR แสดงอัตราการคลิกต่อจำนวนครั้งที่โฆษณาถูกแสดง คำนวณได้จากจำนวนคลิกหารด้วยจำนวนการแสดงผล (Impressions) ยิ่ง CTR สูงแปลว่าโฆษณาน่าสนใจและตรงกลุ่มเป้าหมาย
3.จำนวนการแสดงผล (Impressions)
จำนวนการแสดงผลหรือจำนวนครั้งที่โฆษณาถูกแสดง ช่วยบ่งบอกว่ามีผู้เห็นโฆษณามากน้อยแค่ไหน และช่วยให้เข้าใจว่าโฆษณามีการเข้าถึงที่เพียงพอต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่
4.การกระทำใน GMB (GMB Actions)
การกระทำที่เกิดขึ้นบน GMB จากโฆษณา เช่น การขอเส้นทาง (Driving Directions),การคลิกโทร (Calls) และการเยี่ยมชมเว็บไซต์จากโปรไฟล์ธุรกิจ ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับธุรกิจที่เน้นการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่
5.อัตราการแปลง (Conversion Rate)
Conversion Rate ช่วยวัดความสำเร็จของการเปลี่ยนผู้ที่เห็นโฆษณาเป็นลูกค้า โดยเฉพาะการดำเนินการที่มีความหมายเช่น การจอง การสั่งซื้อ หรือการลงทะเบียน โดยต้องตั้งค่าการวัด Conversion ใน Google Ads เพื่อบันทึกและติดตามผล
6.ค่าใช้จ่ายต่อคลิก (Cost per Click หรือ CPC)
CPC ช่วยวัดต้นทุนที่ใช้ไปกับการโฆษณาต่อการคลิกหนึ่งครั้ง ทำให้เข้าใจว่าการลงทุนในการโฆษณาคุ้มค่าหรือไม่เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
7.ค่าใช้จ่ายต่อ Conversion (Cost per Conversion)
ค่าใช้จ่ายต่อ Conversion เป็นตัววัดที่สำคัญในการวัดผลลัพธ์ที่เกิดจากการคลิกซึ่งนำไปสู่ Conversion โดยตรง ช่วยให้ประเมินความคุ้มค่าของโฆษณาได้ชัดเจนมากขึ้น
8.ระดับคุณภาพของโฆษณา (Quality Score)
Quality Score วัดคุณภาพและความเกี่ยวข้องของโฆษณากับคำค้นหา คะแนนที่สูงบ่งบอกว่าโฆษณามีความเกี่ยวข้องมาก ซึ่งมักจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายลดลงและตำแหน่งการแสดงผลดีขึ้น
9.จำนวนการโทรเข้า (Phone Calls)
การคลิกโทรจากโปรไฟล์ธุรกิจโดยตรง หรือการกดเบอร์โทรจากโฆษณาถือเป็นตัวชี้วัดการมีส่วนร่วมของลูกค้า และเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจที่เน้นให้ลูกค้าโทรเข้ามาจองหรือสอบถามข้อมูล
10.ความถี่ของการขอเส้นทาง (Driving Directions Requests)
หากธุรกิจมีหน้าร้านหรือจุดที่ให้บริการ การที่ลูกค้าขอเส้นทางจาก GMB ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่ามีลูกค้าต้องการเดินทางมายังร้าน
การติดตาม metric เหล่านี้ทำให้คุณสามารถประเมินได้ว่าการโฆษณาผ่าน GMB มีประสิทธิภาพเพียงใดและช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะปรับปรุงหรือขยายการโฆษณาอย่างไร
Enhance your sales and marketing efficiency in Southeast Asia with our expert social media team—contact us today for professional support.
Search
Categories
Recent Topics
- AI in Marketing Trends 2025 เทรนด์การใช้ AI กับการทำการตลาดปี 2025
- Behavioral Design for Better Marketing ออกแบบพฤติกรรมเพื่อการตลาดที่ดีกว่า
- ทริค! การสร้างแบรนด์และทำอย่างไรให้ชนะใจลูกค้า
- ดึงดูดลูกค้าด้วย Google My Business บริการฟรีจาก Google ที่ทุกธุรกิจควรรู้จัก!
- ถอด! โครงสร้าง 6Cs ที่จะช่วยสร้าง Ads ที่ขายของได้เเละคนชอบ