February 14, 2024 News

ยิงโฆษณา Facebook มีอะไรที่ต้องอัปเดตบ้าง สำหรับปี 2024

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี การทำ Social Media Marketing ที่ต้องมีทุกแบรนด์ก็คงต้องหนีไม่พ้น Facebook เหมือนเดิม เพราะหลายแบรนด์อาจจะมี Social Media หลายตัวแล้ว แต่ตัวที่แข็งแรงที่สุดก็ยังเป็น Facebook อยู่ ดังนั้นเรามาดูการยิงโฆษณา Facebook ปี 2024 ดีกว่าว่ามีอะไรที่ต้องอัปเดตตามเทรนด์บ้าง

  1. 3 ตัวแปรที่จะทำให้เรายิงโฆษณา Facebook ได้ปัง โดยตัวแปรแรกเลยคือตัวคอนเทนต์ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี การสร้างคอนเทนต์ที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยมีสัมมนางานหนึ่งที่ทางเราได้เป็นร่วมงานของ Meta โดยทาง Meta บอกว่า ตอนนี้หมดยุคแล้ว ที่เราจะทำคอนเทนต์ 1 ตัว แล้วนำส่งไปหาทุกกลุ่มอายุหรือกลุ่มเป้าหมายกว้างๆ เพราะนั่นคุณอาจจะไม่ได้กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง แต่เราจะต้องโฟกัสให้ชัดว่ากลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเราเป็นใคร อายุเท่าไหร่ เพศอะไร แล้วเราค่อยทำคอนเทนต์ไปเสิร์ฟลูกค้ากลุ่มนั้นๆ โดยเฉพาะ ตัวแปรตัวที่ 2 ก็คือเรื่องการปิดการขายของแอดมิน บางแบรนด์ทำคอนเทนต์ดีมาก แต่ดันตกม้าตายตอนแอดมินปิดการขายไม่ได้ ดังนั้นการทำสคริปให้กับแอดมินในการปิดการขายจึงมีความจำเป็นอย่างมาก หรือหากมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในการช่วยตอบแอดมินก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะทำให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น และตัวแปรข้อสุดท้าย คือการวัดผล หากคุณวัดผลไม่ได้ นั่นหมายความว่าคุณ Scale ธุรกิจไม่ได้ ดังนั้นคุณจะต้องมีการวัดผลธุรกิจของคุณในทุกๆ เดือนอย่างสม่ำเสมอ
  2. ลองเทสตัว dimension ก็สามารถช่วยให้ค่าโฆษณาลดลงได้ โดยทาง Meta เองได้มีการชี้แจงในระบบหลังบ้านโฆษณาทุกครั้งว่า หากคุณทำโฆษณาที่มีหลากหลายขนาดก็จะช่วยลดค่าโฆษณาได้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น คอนเทนต์แรกอาจจะทำวีดีโอเป็น 9:16 และคอนเทนต์เดิมให้ลองทำ dimension เป็นขนาด 1:1 ด้วยเช่นกัน เพราะหลายคนอาจไม่รู้ว่า การทำ dimension หลายๆ แบบ เป็นการนำส่งโฆษณาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่าง หากเรายิงโฆษณา 9:16 โฆษณามักจะไปโชว์ที่ Facebook Reel, Facebook Story แต่เวลาที่เราทำคอนเทนต์ 1:1 ส่วนมากจะไปโชว์ที่หน้า Facebook Feed, Facebook Video ซึ่งขอบอกเลยว่า 2 ตำแหน่งนี้เป็นบนแพลตฟอร์ม Facebook ก็จริง แต่พฤติกรรมของผู้บริโภคต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะคนบางคนอาจจะนิยมไถฟีดมากกว่าการเล่นใน Facebook Reel, Facebook Story หรือในทางกลับกันคนบางคนเล่น Facebook ก็จะชอบไถดูแต่วีดีโออย่างเดียวแต่ไม่ชอบไถฟีดนั่นเอง เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าผู้ที่เล่น Facebook จริงๆ มีหลากหลายพฤติกรรมและหลากหลายกลุ่มมากๆ ดังนั้นแล้ว การทำสื่อคอนเทนต์ dimension เดียว เราอาจจะนำส่งโฆษณาไปหากลุ่มคนแค่ 1 กลุ่มเท่านั้น ทำให้สร้างการรับรู้ได้น้อย แถมค่าโฆษณาสูงกว่าการสร้าง dimension 2 รูปแบบขึ้นไปอีกด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าหากอยากให้ค่าโฆษณาต่ำลง แนะนำให้ทำ 2 dimensions จะดีที่สุด
  3. Learning Phase มีการปรับเปลี่ยนในรอบ 10 ปี ขอสรุปสั้นๆ อีกทีก่อนว่าตัว Learning Phase มันเป็นตัวเงื่อนไขที่ทาง Meta มีการประกาศไว้ว่าเวลาที่เรายิงโฆษณาไป AI ของทาง Meta จะมีการเก็บข้อมูลลูกค้าของเราเพื่อทำการเรียนรู้ว่าต่อไปเขาจะต้องส่งโฆษณาของเราไปให้ใครต่อ เพื่อจะทำให้โฆษณาของเรานั้นแม่นขึ้น ซึ่งช่วงเวลานี้นี่แหละ เขาเรียกว่า Learning Phase โดยคำแนะนำของทาง Meta ในปัจจุบัน แนะนำให้เราทำการปรับงบประมาณไม่เกิน 20% ในช่วงนี้ ซึ่งตามคู่มือของทาง Meta เวลาที่เรายิงโฆษณาไปแต่ยังอยู่ในช่วงของ Learning Phase เขาจะแนะนำให้เราปรับงบประมาณไม่เกิน 20% เพราะถ้าปรับเกินมากกว่านี้จะทำให้การเรียนรู้ของ AI ต้องเรื่มต้นใหม่ทันที แต่ตอนนี้ทาง Meta ได้มีการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึ่มใหม่ ซึ่งตอนนี้มีใช้ที่อเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราสามารปรับเปลี่ยนงบประมาณสูงสุดห้ามเกิน 75% คุณก็จะไม่ต้องกลับไป Learning Phase อีกครั้งแล้ว และทำให้โฆษณาคุณปล่อยได้ยาวๆ ไม่มีสะดุดแน่นอน
  4. ตอนนี้ทาง Meta มีประกาศอัปเดตล่าสุดเรื่องเกี่ยวกับ Fanpage Scroll ซึ่งจริงๆ แล้วตัว Fanpage Scroll มีผลต่อการยิงโฆษณา Facebook เช่นกัน เพราะถ้าหาก Fanpage Scroll ของเรามี Scroll ที่ต่ำ ทาง Meta ก็จะเก็บค่าโฆษณาของเราแพงกว่าปกติ ในทางกลับกันถ้าหาก Fanpage Scroll ของเรามีคะแนนที่สูง ค่าโฆษณาก็จะต่ำนั่นเอง ซึ่ง Fanpage Scroll มีคะแนนตั้งแต่ 0-5 โดย 5 คือดีที่สุด 0 คือแย่ที่สุด โดยถ้าแฟนเพจของเรา Scroll ต่ำกว่า 2 จะมีอีเมลจาก Meta แจ้งเตือนมาว่าแฟนเพจของเราเริ่มอยู่ในจุดอันตรายแล้ว แต่ถ้าหากแฟนเพจของเรามี Scroll ที่ต่ำกว่า 1 ระบบ Meta ก็จะทำการปิดเพจของเราทันที
  5. Meta มีการสนับสนุนคอนเทนต์ Facebook Reels, Instagram Reels ที่มีความยาวมากกว่า 1 นาที ซึ่งใน Meta Business มีการบอกชัดเจนเลยว่ามีแนวโน้มที่จะให้คอนเทนต์มี Scroll สูงมากกว่าปกติ และมีโอกาสแสดงผลมากกว่าคอนเทนต์ที่มีความยาวน้อยกว่า 1 นาที ดังนั้น เราอาจจะลองยิงโฆษณา Facebook Reels, Instagram Reels ที่มีความยาวมากกว่า 1 นาทีดูก็ได้ เพราะตอนนี้ Facebook, YouTube และ TikTok มีการแข่งขันกันด้านฟีเจอร์นี้อยู่
  6. ต้องรู้ไว้ว่า Meta ให้คะแนนยิงโฆษณา Facebook ดังนี้ โดยคุณสามารถเข้าไปที่หน้า Ad Manager และเลือก Ad Set นั้นๆ จากนั้นให้ดูค่าดังนี้
    • การจัดอันดับอัตราคุณภาพ เวลาเราทำคอนเทนต์ ระบบ AI ของ Facebook จะมีการเอาคอนเทต์ของเราไปเทียบกับกลุ่มเป้าหมายที่ใกล้เคียงกันหรือพูดง่ายๆ คือยิงกลุ่มเป้าหมายคล้ายๆ กันนั่นเอง โดย Facebook เองจะมีการวัดประสบการณ์จากลูกค้าว่าหลังจากที่ลูกค้าเห็นโฆษณาของเราแล้ว เขามีความประทับใจอย่างไรบ้าง หลายคนอาจไม่รู้ว่าหลังจากที่ Facebook ยิงโฆษณาให้กับเราแล้ว เขามีการส่งแบบสอบถามให้ลูกค้าอีกครั้งว่าลูกค้ามีความพึงพอใจกับโฆษณานี้มากน้อยแค่ไหน ดี หรือไม่ดี หรือแย่ โดย AI จาก Facebook จะ Learning จากสิ่งนี้ด้วยนี่เอง
    • การจัดอันดับอัตราการมีส่วนร่วม โดยระบบ AI จะมีการจับจากยอด Comment ยอด Like ยอด Share หรือยอด Engagement ที่มีต่อ Content ของเรานั่นเอง ถ้าคอนเทนต์ของเราสามารถสร้าง Engagement ได้เยอะ เทียบกับคู่แข่งแล้วเราทำได้เหนือกว่า เราก็จะได้ Scroll ตรงนี้มากกว่าและเหนือกว่าคู่แข่ง
    • อัตรา Conversion อันนี้จะขึ้นอยู่กับว่า เรายิงโฆษณาวัตถุประสงค์อะไร อย่างปกติคนไทยเราจะยิงวัตถุประสงค์กล่องข้อความเป็นหลัก AI ของ Facebook จะมีการจับว่าคอนเทนต์ของเราถ้าเทียบกับของคนอื่น คอนเทนต์ไหนสามารถที่จะทำให้ลูกค้าทักได้มากกว่ากันในกรณีที่เรายิงโฆษณาแบบกล่องข้อความ แต่ถ้าเรายิงเป็น website conversion ระบบก็จะดูว่าคอนเทนต์ตัวไหนทำให้เกิด converion สูงกว่ากันนั่นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับทิปส์การยิงโฆษณา Facebook ที่ Clisk อัปเดต หากคุณรู้จัก AI ของ Facebook มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่ง Win มากกว่าคู่แข่งเท่านั้น และทำให้ค่าโฆษณาของคุณลดลงอีก้ดวย หรือหากต้องการให้ Clisk ช่วยดูแลแฟนเพจของคุณหรือยิงโฆษณา Facebook ให้กับแบรนด์ของคุณ ก็สามารถติดต่อ Clisk ได้เลย



About the Author

Wahn: 【Senior Social Media Editor & Planner】CLISK ให้บริการ Social Media Marketing ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำ