สรุปกลยุทธ์ 2024 เตรียมตั้งรับปี 2025 – 10 Customer Experience Strategies to 10X Customer Loyalty / 10 กลยุทธ์สร้าง Customer Loyalty ให้ลูกค้ารัก ลูกค้าหลงแบบคูณ 10
- Sep, 25, 2024
- News
จากงาน MARKETING INSIGHT & TECHNOLOGY CONFERENCE 2024
บรรยายโดย คุณอภิรดา เบ็ญจฆรณี (CEO of CXM และ MD of Merkle Thailand, dentsuX
ปูพื้นฐานเรื่องการสร้าง Loyalty ด้วยการรู้จัก Transactional Loyalty และ Human Loyalty
- Transactional Loyalty (ความภักดีเชิงธุรกรรม) คือความภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์ ที่เราสามารถวัดได้จากการที่ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำๆ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแบรนด์ต่างๆ มักจะสร้างให้ลูกค้าเกิด Transactional Loyalty จากการทำโปรโมชั่น การมอบสิทธิพิเศษจากระบบสมาชิกต่างๆ ฯลฯ
แต่การที่ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำๆ อย่าง Transactional Loyalty เพียงพอแล้วจริงหรือ? เพราะถ้าหากลูกค้าถูกแบรนด์อื่นๆ ดึงดูดความสนใจด้วยราคาหรือข้อเสนอที่คุ้มค่ากว่า ลูกค้าก็มีโอกาสจะลดความภักดีต่อแบรนด์ของเราได้อย่างง่ายดาย
- Human Loyalty (ความภักดีเชิงมนุษย์) คือความภักดีที่ลูกค้าแสดงออกมามากกว่าแค่พฤติกรรม (การซื้อสินค้า) แต่ยังมีความรู้สึกรักอย่างเหนียวแน่น พร้อมที่จะเชื่อใจและให้อภัยเมื่อแบรนด์ทำผิดพลาด
“ยุคนี้….ความภักดีของลูกค้าต้องเน้นมากกว่าแค่ชื่อซ้ำ
เพราะนั่น….เป็นแค่เกมของความภักดีเชิงธุรกรรม
ความภักดีเชิงมนุษย์… จึงสำคัญมากกว่าที่เคย”
“In today’s world… customer loyalty goes beyond repurchases
Because that’s just a game of “Transactional Loyalty
Human Loyalty@ is more important than ever before “
จากกราฟจะเห็นว่าแบรนด์ส่วนใหญ่ต่างเคยใช้ โปรโมชั่น การมอบสิทธิพิเศษจากระบบสมาชิกต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความภักดีแบบ Transactional Loyalty (ความภักดีเชิงธุรกรรม) มาแล้วทั้งนั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยตอบโจทย์ได้ในเรื่องของความคุ้มค่าเป็นหลัก แต่ความจริงแล้วลูกค้าต้องการมากกว่านั้น…เพราะลูกค้าต้องการคนที่เข้าใจ ใส่ใจเรา ช่วยแก้ปัญหาให้ได้ และรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งถ้าคุณสามารถทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกเหล่านี้กับแบรนด์ของคุณได้ ก็มีโอกาสที่คุณจะได้รับ Human Loyalty (ความภักดีเชิงมนุษย์) ที่เหนียวแน่นยิ่งกว่าจากลูกค้าแล้วนั้นเอง
10 Customer Experience Strategies to 10X Customer Loyalty
1. สร้างความประทับใจแรกให้ทรงพลัง
สร้างโมเมนต์ที่ดึงดูดความสนใจให้ทรงพลัง โดยปกติแล้วการจะสร้างความภักดีต่อแบรนด์ เรามักจะสร้างความประทับใจในด้านเหตุผล (สมอง) แต่หากจะสร้างให้ลูกค้ารักเราตั้งแต่แรกพบ เราต้องให้ความสำคัญกับความประทับใจทางความรู้สึก (หัวใจ) มากเป็นพิเศษ
- ตัวอย่าง case study : แบรนด์ Velux
ที่ได้ใช้โปรแกรม Unreal engine 4 สร้างภาพที่เสมือนจริง ช่วยให้ลูกค้าได้ทดลองติดหน้าต่างที่ต้องการตามจุดต่างๆ ในบ้าน โดยโปรแกรมจะช่วยแสดงแสงเงาที่สมจริงตามช่วงเวลาต่างๆ เหมือนลูกค้าได้ติดหน้าต่างที่กับบ้านของตัวเอง เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความประทับใจดึงดูดด้านความรู้สึก (หัวใจ) และยังช่วยตอบโจทย์ในการเลือกซื้อหน้าต่างของลูกค้าอย่างตรงจุดที่สร้างความสนใจด้านเหตุผล (สมอง) ไปพร้อมๆ กัน
2. รู้จัก เจาะลึก เข้าถึงใจอย่างลึกซึ้ง
คือการนำข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนมาวิเคราะห์และปรับใช้ เพื่อให้ได้บริการที่ออกแบบมาดูแลลูกค้าแต่ละคนแบบเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น (Personalized)
ซึ่งสอดคล้องกับสถิติที่ว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ยอมที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวบางอย่าง เพื่อที่จะได้รับการบริการที่รู้ใจ และตรงความต้องการของตัวเองมากยิ่งขึ้น
- ตัวอย่าง case study : JCPenne บริษัทค้าปลีกชื่อดังของอเมริกา
ที่ได้มีการดึงเอาข้อมูลจากทำ CRM ของลูกค้ามาส่งเสริมการใช้ Media ของแบรนด์ให้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นการทำ 1:1 Marketing, Personalized Promotions, Product Selection ช่วยเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน และ 1:1 Marketing Messages เป็นต้น ซึ่งช่วยให้ได้ผลลัพธ์ยอดขายที่เพิ่มขึ้น และลูกค้ายังรู้สึกได้รับความใส่ใจ ช่วยสร้าง Human Loyalty ที่ดีให้กับแบรนด์อีกด้วย
3. กระชับความสัมพันธ์ด้วยความใส่ใจ
เป็นการสานต่อจาก 2 ข้อแรกด้วยการสร้าง ENGAGE ให้เข้าถึงลูกค้าในทุกๆ ช่องทางอย่างถูกที่ ถูกเวลา เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมอบ VALUE ด้วยการทำให้ลูกค้ารู้สึกมีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์
ตัวอย่าง case study : แอป Royal Perk จาก Burger King
แอปที่มีกิจกรรม เกมและสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับสมาชิก พร้อมเก็บข้อมูล Personalized ของลูกค้า เพื่อมอบโปรโมชั่นและบริการพิเศษเฉพาะลูกค้าแต่ละคน
4. เชื่อมโยงประสบการณ์สู่ความผูกพันไม่รู้ลืม
- เชื่อมต่อทุกช่องทางของแบรนด์เข้าด้วยกัน ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสนับสนุนการใช้บริการของลูกค้าอย่างต่อเนื่องในทุกแพลตฟอร์ม พร้อมจับลูกค้าจากทุกช่องทาง
อย่างที่ผลสำรวจได้แสดงไว้ว่า
- 30% ของลูกค้า Higher customer lifetime value ได้ติดต่อกับแบรนด์ผ่านหลายๆ ช่องทางควบคู่กันไป
- 56% ของลูกค้าที่มาซื้อสินค้าที่ร้าน ได้รับอิทธิพลมาจากช่องทางออนไลน์
- 73% ของผู้บริโภคซื้อของผ่านช่องทางต่างๆ มากกว่าหนึ่งช่องทาง
- ตัวอย่าง case study : Mahajak ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี
ที่ใช้ LINE เชื่อมต่อกับกิจกรรมโปรโมชั่นของงาน event ออฟไลน์ พร้อมเก็บข้อมูลเฉพาะของลูกค้า สำหรับเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ เพื่อการใช้งานติดตามดูแลลูกค้าต่อไป
- เชื่อมโยง Media และ CRM เข้าด้วยกัน
โดยการใช้ Media และ CRM ควบคู่กันกับในทุกขั้นตอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของทั้ง Media และ CRM ได้ดียิ่งขึ้น
- เชื่อมโยง Data
แม้ในปัจจุบันตัวแบรนด์เองจะสามารถหาข้อมูลเชิงลึก (insights) จาก First Party Data เองได้ แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้น การเสริมคุณภาพของข้อมูลให้กว้างขวางและหลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยการดึงเอา Third party data จากผู้ให้บริการที่มีเครื่องมือเก็บ Data เฉพาะทาง ก็ถือเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมการขายและสื่อสารของแบรนด์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้อีกมาก
5. สร้างความไว้วางใจที่แข็งแกร่ง
การสร้างความไว้วางใจ เป็นอีกพื้นฐานสำคัญที่แบรนด์ควรสร้างไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะเมื่อการปัญหาขึ้น ความไว้วางใจของลูกค้านี้เองที่จะช่วยลดความรุนแรงของปัญหาและช่วยให้ลูกค้าให้อภัยแบรนด์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
จากผลการสำรวจเกี่ยวกับพื้นฐานสิ่งที่ลูกค้าต้องการจากสินค้า ช่วยสรุป 3C ที่ช่วยสร้างความไว้วางใจให้ลูกค้าได้ ดังนี้
01 – Cost Effectiveness (ความคุ้มทุน)
02 – Convenience (ความสะดวก)03 – Consistency (ความสม่ำเสมอเชื่อถือได้)
6. ยืนหยัด เคียงข้าง ตอบสนองว่องไว แก้ไขตรงจุด
คือการที่แบรนด์มีแผนตั้งรับที่ดีและรวดเร็ว เมื่อลูกค้าประสบปัญหากับสินค้าหรือบริการของคุณ เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมการสร้างความไว้วางใจจากข้อ 5 ได้เป็นอย่างดี
จากผลสำรวจจะเห็นว่า ช่วงที่ลูกค้าประสบปัญหากับสินค้าและบริการมากที่สุด (สีส้มเข้ม) จะอยู่ในช่วงหลังการขาย ที่ลูกค้าเริ่มใช้สินค้าไปแล้ว หรือต้องการส่งซ่อม/คืนสินค้า เป็นต้น
เมื่อเกิดปัญหา First Response Time หรือการตอบกลับอย่างรวดเร็ว คือสิ่งสำคัญที่สุด!
เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยแสดงความใส่ใจที่แบรนด์มีต่อลูกค้า ช่วยลดความรู้สึกแง่ลบ และช่วยให้ลูกค้าให้อภัยแบรนด์ได้ง่ายยิ่งขึ้น ยืนยันด้วยผลสำรวจ คุณสมบัติสำคัญที่สุดประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้า
ที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อจะเข้าใช้บริการที่ใดสักที่หนึ่ง ลูกค้ามองหา การโต้ตอบอย่างรวดเร็ว (Fast response times) จากผู้ให้บริการ มาเป็นอันดับ 1 กว่า 75%
7. จุดประกายความรู้สึก ให้ลุกโชนอีกครั้ง
เมื่อแบรนด์เริ่มทำการตลาดต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง แน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายมีโอกาสที่จะเบื่อ สนใจแบรนด์น้อยลง ความท้าทายของคุณ คือต้องจุดประกายความรู้สึก ให้ลูกค้ายังคงเกิดความสนใจได้อย่างต่อเนื่อง
- ตัวอย่าง case study : KFC ประเทศจีน
ได้ใช้การตลาดที่ไม่ใช่เพียงแค่การดึงลูกค้ามาหาเรา แต่เข้าไปหาลูกค้าในพื้นที่ของเค้า โดยในช่วงสถานการณ์โควิด KFC เข้าไปอยู่ในโซเชียลมีเดียที่วัยรุ่นจีนนิยมใช้กัน อย่าง QQ , WeChat โดยการสร้างเกม สร้างแชท และ avatar เพื่อแทรกซึมเข้าไปอยู่ในกลุ่มเป้าหมาย และจุดประกายความรู้สึกใหม่ต่อ KFC ให้กลุ่มลูกค้าเจน Z ได้เป็นอย่างดี
8. เฉลิมฉลองโมเมนต์สำคัญ
การฉลองเทศกาลสำคัญต่างๆ รวมถึงวันสำคัญของลูกค้า ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีมาก ในการช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีร่วมกันระหว่างแบรนด์กับลูกค้า
- ตัวอย่าง case study : Starbucks
สิ่งที่ทุกคนจดจำได้ดี คือการที่ Starbucks ออกคอลเล็กชั่นแก้วน้ำประจำเทศกาลต่างๆ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนได้รับความสนใจแม้แต่ในกลุ่มคนที่ไม่ดื่มกาแฟ นอกจากนี้ Starbucks เอง ยังได้มีการนำข้อมูลของลูกค้าที่ได้รวบรวมเอาไว้ มาสร้างเป็นกิจกรรมในช่วงเทศกาล เพื่อมอบโปรโมชั่นพิเศษ ช่วยให้ลูกค้าประจำประทับใจในทุกๆ ช่วงวันสำคัญ และยังช่วยเพิ่มสมาชิกใหม่ให้เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย
9. ร่วมสร้างสรรค์คุณค่าสู่เป้าหมายร่วมกัน
การที่แบรนด์สร้างคุณค่าที่แท้จริง และส่งต่อสิ่งนั้นให้กับลูกค้าอย่างจริงใจ
- สร้างคุณค่าให้กับ การเดินทาง บทเรียนจาก ตัวอย่าง case study : Michelin
โดย Michelin ได้สร้างสรรค์ Michelin guide ไว้สำหรับช่วยแนะนำสถานที่เที่ยว ร้านอาหาร หรือที่พักต่างๆ ด้วยไอเดียเริ่มต้นจากการที่อยากให้ทุกคนออกเดินทาง เพราะเมื่อเกิดการเดินทางมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งขายล้อยาง Michelin ได้มากเท่านั้น จนต่อมา Michelin guide ได้ถูกสร้างสรรค์และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นหนังสือที่รวมข้อมูลร้านอาหารแนะนำไว้ทั่วโลก จากการสร้างคุณค่าให้กับ Michelin guide นี้เอง ทำให้ในปัจจุบัน Michelin guide กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนให้คุณค่า เป็นตำราแนะนำร้านอาหารที่ต้องตามไปทานให้ได้สักครั้ง
- สร้างคุณค่า เพิ่มความตระหนักรู้เรื่อง Food Waste จาก ตัวอย่าง case study : Gourmet Market
ที่ได้สร้างสรรค์แอป The Cupboard to Fight Food Waste ที่ช่วยเตือนวันหมดอายุของอาหารในตู้เย็นที่บ้านของคุณ เพื่อช่วยลดการเกิดอาหารเหลือทิ้ง (Food Waste) และยังช่วยสร้างคุณค่าให้สังคมได้ตระหนักรู้ถึงผลกระทบของอาหารเหลือทิ้ง (Food Waste) ต่อโลกใบนี้ พร้อมทั้งช่วยสร้างนิสัยให้ผู้คนรู้จักจัดการอาหารอย่างถูกต้องและรักษ์โลกมากยิ่งขึ้น
10. หล่อหลอม CX DNA สู่สายสัมพันธ์อันยืนยง
การที่จะเกิด Customer Experience (CX) ที่มีประสิทธิภาพได้นั้น จะต้องเกิดจากการหล่อหลอมวัฒนธรรม หรือการสร้าง DNA ของแบรนด์แบบโดยรวมทั้งองค์กร
โดยทาง Merkle Thailand ได้ทำการศึกษา สำรวจและรวบรวมข้อมูลต่างๆ แล้วสรุปมาเป็น 4 กุญแจสำคัญที่ช่วยให้การทำ Customer Experience (CX) เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
- วางแผนการทำ Customer Experience (CX) ของทั้งองค์กรไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่แค่วางแผนสำหรับแผนกใดแผนกหนึ่งเท่านั้น โดยจะต้องวางเป้าหมายให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอยู่เสมอ
- Customer Feedback ของลูกค้าจึงสำคัญมาก เพราะลูกค้าคือคนที่ให้คำตอบเราได้ดีที่สุด ว่าเค้าต้องการอะไร ช่วยให้แบรนด์รู้จุดที่ต้องปรับปรุงพัฒนาให้ Customer Experience (CX) แข็งแกร่งขึ้นได้
- ในยุคที่มีเทคโนโลยีมากมาย และราคาถูกลง จนแบรนด์เองสามารถเลือกใช้ได้หลากหลาย แต่ตัวแบรนด์นั้นจะต้องรู้จักและเข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ดีก่อน รวมถึงเข้าใจการทำ Customer Experience (CX) เพื่อให้สามารถวางแผน และเลือกเทคโนโลยีนำมาใช้ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และได้ผลดีที่สุด
รู้จักการนำ AI มาเป็นเครื่องมือ เพื่อส่งเสริมการสร้าง Customer Experience (CX) ให้พัฒนายิ่งขึ้น
Enhance your sales and marketing efficiency in Southeast Asia with our expert social media team—contact us today for professional support.
Search
Categories
Recent Topics
- Future of E-commerce พาส่องอนาคตอีคอมเมิร์ซไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า
- Neuromarketing การตลาดที่ช่วยให้ ‘ชนะใจลูกค้า’ ผ่านเครื่องมือวัดผลทาง ‘สมอง’
- Affiliate Marketing Hacks! ทำ Affiliate อย่างไรให้ปัง? พร้อมเปิดมุมมองทั้งเจ้าของเเบรนด์ & ครีเอเตอร์
- Top Social Platforms Updates อัปเดต 3 แพลตฟอร์มตัวท็อป ฉบับท้ายปี 2024
- Future of AdTech โฆษณาและเทคโนโลยีจะเป็นอย่างไรในอนาคตข้างหน้า