December 3, 2019 News

แจกฟรี! เทคนิคสร้างโพสต์ IG ให้เกิดประสิทธิภาพในปี 2020

ทุกวันนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า Instagram มีความสำคัญอีกหนึ่งเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยต่อยอดการตลาดของแบรนด์สินค้าต่างๆ มากมาย ซึ่งดูได้จากตัวเลขยอดผู้ใช้บริการที่ทาง Facebook มาแชร์นั้นมีการเติบโตทุกปี ซึ่งหลังๆ มานี้คุณคงจะเห็นแล้วใช่ไหมว่า Instagram ออกฟีเจอร์เด็ดๆ มาให้ผู้ใช้ได้ลองเล่นกันอย่างสนุกมากมาย แถมแบรนด์ก็สามารถสร้าง interactive กับลูกค้าของแบรนด์นั้นๆ ได้อีกด้วย และถ้าอยากทำให้ Content Marketin บน Instagram ของคุณเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ทีม Clisk บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน

ทีม Clisk เลยจะมาขอแจกเทคนิคฟรีๆ ในการสร้างโพสต์ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในปี 2020 ให้ได้อ่านกันในโพสต์นี้เท่านั้น หวังว่าแบรนด์ของคุณจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนาต่อยอดได้เลยค่ะ

1. พลังของการโพสต์รูปแบบ Carousels สำคัญมาก
หลายคนสงสัยว่าจะเป็นไปได้ไง ไม่ใช่ Facebook หรือที่พลังของการโพสต์รูปแบบนี้น่าจะได้รับความนิยมเป็นหลัก ซึ่งผล Research จาก Socialinsider ก็บอกมาแล้วว่า รูปแบบ Carousels ได้รับความนิยมมากกว่าการโพสต์รูปภาพปกติ นั่นหมายความว่าถ้าคุณจะทำ Content Marketing เป็นแบบ Storytelling บน Instagram ก็สามารถทำได้ง่ายๆ แล้ว โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคาแรกเตอร์แบรนด์ของคุณพอจะเล่นกับ Carousels ได้หรือไม่

ภาพจาก : https://www.socialinsider.io/blog/instagram-content-research/

ถ้าดูตัวอย่างแบรนด์ที่ทำ Carousels ได้น่าสนใจ และทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมมาก สิ่งสำคัญคือภาพต้องดูสวยงามเป็นหลักเสมอ และการผลิต Content ต้องดูน่าสนใจจนทำให้ผู้ติดตาม Instagram ของคุณคอมเม้นต์ได้

2. การเลือกโทนสีต้องเหมาะสมกับแบรนด์และทำให้เกิดการจำได้ง่ายขึ้น ลูกค้าที่เข้ามาดู Instagram ของแบรนด์จะได้รู้สึกสนใจและอยากทำความรู้จักกับแบรนด์ของคุณมากขึ้น และทำให้เกิดโอกาสลูกค้าไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของแบรนด์คุณต่อไปก็เป็นไปได้ การคุมโทนถือเป็นสิ่งสำคัญและการทำรูปให้สวยตามที่บอกไปข้อ 1 ก็สำคัญไม่แพ้กันเลยในการสื่อสารแบรนด์ผ่าน Instagram marketing

ซึ่งตัวอย่างแบรนด์ที่ทำ Mood & Tone คุมธีมได้ดีและสื่อสารกับลูกค้าได้ง่ายและเข้าใจ การโพสต์ภาพสินค้าอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ถ้ามีนางแบบ นายแบบมาสวมใส่หรือใช้สินค้าของคุณก็จะทำให้ลูกค้าที่เข้ามาเสพ Content บน Instagram เห็นภาพมากขึ้นและอยากจะซื้อสินค้าของคุณดูบ้าง ลองมาดูตัวอย่างแบรนด์ด้านล่างนี้กันเลยค่ะ

3. กำหนดความยาวของคำบรรยายใต้ภาพก็สำคัญเหมือนกัน เพราะอีกหนึ่งอัลกอริทึ่มที่น่าสนใจที่ทาง Instagram ออกมานั้น คือ ยิงคำของคุณในแคปชั่นน้อยลงเท่าไหร่ คือเรียกง่ายๆ ว่ามีจำนวนคำต่ำกว่าสิบคำ ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้โพสต์นั้นๆของคุณเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมได้ถึง 3.13% ด้วยกัน ดังนั้นก่อนจะทำแคปชั่นก็ควรเลือกคำที่ดึงดูดลูกค้าของคุณตั้งแต่แรกเห็นด้วยล่ะ

ตัวอย่างแบรนด์ที่ทำได้ดีและดูทรงพลัง คงจะหนีไม่พ้นแบรนด์เหล่านี้เลย สั้น เข้าใจง่าย และน่าอ่าน

4. Emoji เห็นตลกน่ารัก แต่สร้าง Engagement ได้ดีมาก ช่องทาง Instagram เป็นช่องทางที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณใช้เพื่อเสพคอนเท้นต์เพื่อสร้างความผ่อนคลายและไว้ใช้ติดต่อกับเพื่อนของเขา ดังนั้นการที่แบรนด์ของคุณอยากจะสื่อสารกับลูกค้า ขอแนะนำเลยว่าควรเน้นความเข้าถึงง่ายเป็นกันเองมากที่สุด เพื่อที่จะทำให้ลูกค้ายอมรับในแบรนด์ของคุณและติดตามแบรนด์ของคุณ โดยข้อมูลด้านล่างจาก Socialinsider ก็ได้บอกชัดเลยว่าการใช้ Emoji ในโพสต์หรือแคปชั่นช่วยเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมถึง 1.31% ดังนั้น คุณลองเพิ่ม Emoji เข้าไปในแคปชั่นหรือคำบรรยายภาพของคุณดูก็ได้นะคะ แต่อย่าลืมว่าต้องไม่เกิน 10 คำ + Emoji ก็จะช่วยทำให้โพสต์ของคุณเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นไปอีกนะคะ

และถ้าไม่รู้ว่าจะใช้ Emoji อะไรในการสื่อสารกับลูกค้า ทีม Clisk บอกเลยว่า ลองเอา Emoji จากข้อมูล Socialinsider ลองไปใช้ดูก็ได้นะคะ

5. สำคัญที่สุดไม่ว่ากี่ยุคสมัยก็เรื่องแฮชแท็ก # นี่ล่ะค่ะ ถ้าพูดถึง Instagram ไม่พูดเรื่องแฮชแท็ก # เห็นคงจะไม่ได้ คุณอย่ามั่วแต่หว่านแฮชแท็ก # โดยสิ้นเปลืองน่าจะดีกว่า เพราะล่าสุดการทำ Facebook Marketing หากคุณใช้แฮชแท็ก # ขอแนะนำเลยว่าไม่ควรใช้เกิน 30 คำ เพราะนอกนั้นมันจะไม่ช่วยทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักได้ ทางที่ดีควรใช้แฮชแท็ก # ที่เป็นการสื่อสารเกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณให้มากที่สุด ทางทีม socialinsider ก็แนะนำว่าควรอยู่ที่ 2-8 คำกำลังดี

6. โพสต์ไหนดี โพสต์ไหนเด่น อย่าลืมเปลี่ยน Instagram จากบุคคลเป็น Instagram สำหรับ Business ด้วยนะคะ ข้อดีของการเปลี่ยนเป็น Business ก็เพื่อทำให้คุณดู Insight กลุ่มลูกค้าที่ติดตาม Instagram ของคุณว่าเขาชอบคอนเท้นต์ประเภทไหน เพื่อทางทีมของคุณเองจะได้ทำคอนเท้นต์ได้ตอบโจทย์ลูกค้าของคุณได้มากขึ้นและส่งผลให้อัตราการมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ภาพจาก : https://www.oberlo.com/blog/instagram-insights-guide

7. โพสต์ใน Instagram ไม่จำเป็นต้องเหมือนใน Facebook เสมอไป เพราะอย่างเช่นถ้าคุณทำเป็นอัลบั้มคอนเท้นต์ใน Facebook และหากเอามาโพสต์ใน Instagram บอกเลยว่าไม่รองรับแน่นอน แถมทำให้แบรนด์ของคุณดูสื่อสารยากไปอีก แต่ละเดือนคุณลองวางแผนดูว่าจะทำคอนเท้นต์แนวไหนบ้าง และจะใช้ฟีเจอร์อะไรมาลองเล่นกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ยิ่งฟีเจอร์ใหม่ยิ่งดีเลย เพราะอัลกอริทึ่มในช่วงแรกๆ ของฟีเจอร์นั้นๆ จะทำให้คอนเท้นต์ของคุณเห็นได้มากกว่าฟีเจอร์อื่นๆ ที่มีมานานแล้ว

8. การทำ Branded Content ต้องมีความจริงใจ หากคุณใช้ Influencer ในการโปรโมทแคมเปญแบรนด์ของคุณการเปิดฟีเจอร์ Branded Content เพื่อให้ Influencer นั้น Tag หาแบรนด์คุณได้ก็สำคัญอยู่ เป็นการสร้างความจริงใจว่าแบรนด์กำลังอยากจะสื่อสารอะไรกับลูกค้าได้อย่างชัดเจน แต่ไม่ว่าแบรนด์จะสื่อสารเรื่องอะไร อย่าลืมเสมอว่าคอนเท้นต์ทุกคอนเท้นต์ต้องให้คุณค่ากับลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายที่คุณอยากสื่อสารด้วยเสมอ

9. อีกหนึ่งบริการที่เพิ่งเปิดใหม่ก็คือ IGTV ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอแนวตั้งของ IG แน่นอนว่าเทคนิคแรกที่เราต้องพูดถึงกันแน่ ๆ ก็คือวิดีโอต้องเป็น  9:16 อันนี้ชัวร์อยู่แล้ว แต่สิ่งที่แนะนำก็คือ Facebook บอกวิธีเลือกว่าคอนเทนต์นี้ควรจะเป็นบน IGTV หรือบน Feed, Story ดี ก็คือ ถ้าคอนเทนต์นั้นเป็นการบอกเล่าเรื่องราวทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวันก็น่าจะเป็นหนึ่งใน Story มากกว่า แต่ IGTV น่าจะเป็นวิดีโอที่เป็นคอนเทนต์ยาว 2-3 นาที เป็นอย่างน้อย

หวังว่า 9 เทคนิคด้านบนนี้ก็น่าจะทำให้แบรนด์ของคุณเข้าถึงลูกค้าและโดนใจลูกค้าของคุณได้เป็นอย่างดี และถ้าให้ดียิ่งกว่าการโฆษณาผ่าน Instagram ก็ช่วยทำให้แบรนด์ของคุณเข้าถึงได้ง่ายขึ้นไปอีก หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยด้าน Social media marketing ที่จะช่วยคุณสร้างแบรนด์ สร้างคอนเท้นท์ที่ดี พร้อมการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการ ให้ Clisk Thailand ของเราช่วยสร้างแบรนด์ของคุณได้นะคะ ปรึกษาหรือต้องการติดต่อคลิสค์ >>คลิก<< หรือโทร 0-2060-6977 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09:00 น. – 18:00 น.



About the Author

Wahn: 【Senior Social Media Editor & Planner】CLISK ให้บริการ Social Media Marketing ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำ