Inbound Marketing การตลาดแบบสร้าง ‘แรงดึงดูด’ & 6 Inbound – Marketing Trends ในปี 2025 ที่นักการตลาดควรรู้!

Inbound Marketing คือ
การทำการตลาดแบบส่งมอบคุณค่าให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง
“แรงดึงดูด” ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดย “คุณค่า” ในที่นี้หมายถึง
การสร้างความรู้ ผ่านการทำคอนเทนต์รูปแบบต่างๆ
ที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าใจและแก้ปัญหาได้
และแบรนด์เองก็สามารถนำเสนอสินค้าหรือบริการที่เป็นตัวช่วยแก้ไขปัญห
าได้ 
ถ้าจะให้นิยามคำว่า Inbound Marketing ง่ายๆ ก็คือ
“การทำการตลาดเพื่อสร้างแรงดึงดูดแก่กลุ่มเป้าหมาย แบบ คนที่ใช่
ในที่ที่ใช่ และเวลาที่ใช่” นั่นเอง
Inbound Methodology
Why Inbound? ทำไม Inbound ถึงสำคัญ?

• เพราะ “คนไม่ชอบให้ถูกขาย แต่คนชอบซื้อ(โดยที่ไม่ถูกรบเร้ามาก)”
  ตัวอย่างเช่น ร้านค้าตามห้างสรรพสินค้าที่ Sales

มักเดินเข้ามาหาลูกค้าที่เข้าไปในร้านเลยโดยที่ลูกค้ายังไม่ได้ต้องกา
ร อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัดได้ แต่ถ้าเป็นร้านค้าที่เราเข้าไปแล้ว
Sales ปล่อยให้เราเดินดูสินค้าไปเรื่อยๆ
เมื่อเราเริ่มสนใจหรือมีคำถามเกี่ยวกับสินค้านั้นเราจึงเริ่มสอบถาม
Sales เราจะไม่รู้สึกว่า Sales เข้ามารบเร้าเราจนเกินไป
ได้ข้อมูลในสิ่งที่เราต้องการ
จนอาจลงท้ายด้วยการซื้อสินค้า/บริการนั้นๆ เลยก็ได้

• เพราะ “โฆษณามีอยู่ทุกที่
  และโฆษณาจะยิ่งมีประสิทธิภาพน้อยลงแต่ราคาจะสูงขึ้น”
  ปัจจุบันคอนเทนต์และโฆษณามีอยู่มากมาย แต่เวลาคนเรามีเท่าเดิม
  ดังนั้นตามหลัก Demand & Supply เมื่อความต้องการสูงขึ้น >
  ราคาสูงขึ้น
  การทำโฆษณาต้องแข่งกันมากขึ้นแต่ประสิทธิภาพของโฆษณาน้อย
  ลง และผลจากการสำรวจพบว่า 70%
  ของลูกค้าส่วนใหญ่ชอบที่ศึกษาสินค้าหรือบริการผ่านคอนเทนต์ต่าง
  ๆ ก่อนการซื้อ มากกว่าสินค้าที่ใช้การยิง Ads เพียงอย่างเดียว
• เพราะ “Inbound Marketing ช่วยสร้างธุรกิจในระยะยาว” โดย
  Inbound Marketing เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจประเภท High-
  involvement และธุรกิจแบบ B2B มากกว่า
  เพราะกลุ่มลูกค้าต้องการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการให้
  มากพอก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้
  และการทำคอนเทนต์ที่ผ่านการแชร์ความรู้ของเราอย่างต่อเนื่อง
  จนเมื่อกลุ่มเป้าหมายของเราเกิดปัญหาขึ้นก็ต้องนึกถึงเราเป็นคนแรก
  ที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ ดังนั้น

หากเราอยากเชี่ยวชาญในเรื่องใดก็ควรเริ่มต้นจากการหาความรู้และแชร์
ในเรื่องนั้นบ่อยๆ อย่างสม่ำเสมอนั่นเอง

Inbound Framework
หลักการทำงานหลักๆ ของ Inbound Marketing

1. Attract (ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา)
2. Engage (ส่งมอบคุณค่า ความรู้ ความเชี่ยวชาญของเราแก่กลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง)
3. Delight (การดูแลลูกค้าหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจและเขาอาจกลายเป็น Promoter สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง)

Inbound Marketing Trends 6 ข้อ ในปี 2025 ที่กำลังจะถึงนี้

1. AI-Powered Personalization

ปัจจุบันเรามี AI และ MarTech เข้ามาช่วยในการทำ Personalized กลุ่มเป้าหมายอยู่มากมาย จากรายงานของ Epsilon พบว่า “80% of consumers are more likely to buy from a brand that offer personalized experienced” หรือ 80% ของลูกค้าชื่นชอบแบรนด์ที่มีการขายพร้อมประสบการณ์แบบ Personalized เพราะดูเหมือนแบรนด์ให้ความสนใจและให้ความสำคัญแก่ลูกค้า

>> AI recommendation engine drives 80% of Netflix’s viewing activity

>> Higher Retention. Churn rates are reported to be as low as 3.5%

2. Visual Search Optimization

จากงานวิจัยของ Google (2023) พบว่ามีผู้คนใช้ Google Lens(คือ ระบบค้นหาด้วยรูปภาพ โดยใช้ AI ประมวลผลสิ่งที่อยู่บนรูปภาพ และแปลงภาพให้เป็นข้อมูลต่างๆ ตามต้องการ) เพื่อค้นหาข้อมูลกว่า 12 ล้านครั้งในทุกเดือน ดังนั้นหากเราต้องการให้คนเข้ามายังเว็บไซต์ เราควรก็คือ 

1. ต้องดูในเรื่องของการทำ SEO : โดยการใช้เลือกใช้คำรูปภาพที่ชัดเจน คุณภาพสูง มีความละเอียดสูง มีแสงสว่างเพียงพอแก่การมองเห็น รวมถึงการตั้งชื่อไฟล์รูปภาพในเว็บไซต์ให้ตรงกับ Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายของเราค้นหา เป็นต้น
2. อัปเดตเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ(Optimize) : เพื่อช่วยให้ระบบ Search Engine ดันเว็บไซต์ของเราขึ้นยังหน้าหลักของระบบได้ดียิ่งขึ้น

3. Conversational Marketing & Chatbots

คนเราเองยังคงต้องการติดต่อสื่อสารกับแบรนด์ตลอด 24 ชั่วโมงอยู่ ดังนั้นการนำ Chatbots เข้ามาช่วยการทำงานในขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่อยู่อาจจำเป็นกับการทำธุรกิจมากขึ้น และในปี 2025 ที่จะถึงนี้ มีสถิติที่พบว่า 85% ที่แบรนด์ต่างๆ จะเริ่มมีการนำระบบ Chatbot เข้ามาใช้ในที่ต่างๆ มากขึ้น 

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ธุรกิจหรือแบรนด์ต้องใส่ใจของการสื่อสารโดยใช้ Chatbot นั่นก็คือ ต้องมีความ Personalized รวมทั้งต้องมีความเป็นมนุษย์ด้วย 

จากกรณีศึกษาของทาง HubSpot’s ได้มีการนำ Chatbot เข้ามาใช้ และผลลัพทธ์ที่ได้ คือ 

>> 20% increase in website conversions after integrating chatbots

>> Lead response time decreased by 50%

4. Content Atomization

การทำคอนเทนต์จะไม่อยู่ในแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งเพียงที่เดียว แต่จำเป็นต้องมีการกระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย แต่เราควรที่จะต้อง Adjust ข้อมูลหลักให้เหมาะสมกับรูปแบบของแพลตฟอร์มนั้นๆ ด้วย เพราะแต่ละแพลตฟอร์มจะมีพฤติการรมการใช้ที่แตกต่างกัน

5. Voice Search Optimization

ด้วยความที่ปัจจุบัน Device หลักของแทบจะทุกคนก็คือ Smartphone และการใช้ Voice Search ในการค้นหาข้อมูลต่างๆ ก็เป็นไปได้ง่ายขึ้น และจากการศึกษาของทาง Google Thailand (2023) พบว่า คนมีการใช้ Voice Search เพิ่มมากขึ้นถึง 60% 

อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ของเราเองก็ควรมีข้อมูลเพื่อรองรับการใช้ Voice Search ก็คือการทำ SEO ที่ใช้ภาษาเหมือนกับคนส่วนใหญ่จะพูดมากขึ้น นั่นเอง

6. Community Building, The New Frontier of Inbound Marketing

คือ การสร้างคอมมูนิตี้ รวมตัวผู้คนที่มีคนสนใจในสิ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นทาง Online หรือ Offline มาอยู่ด้วยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งเป็นการเพิ่มความรู้ได้ทั้งคนในกลุ่มและคนนอกกลุ่มที่ได้อ่าน และที่สำคัญทำให้คนนึกถึงเราเป็นคนแรกๆ เมื่อเขาต้องการความรู้หรือสนใจในเรื่องนั้นๆ

การทำ Inbound Marketing ที่เราเป็นผู้มอบคุณค่าแก่กลุ่มเป้าหมายแล้ว ท้ายที่สุดแล้วเราเองก็ควรต้องได้รับคุณค่าที่เหมาะสมกลับมาด้วย ซึ่งคุณค่านี้ก็คือ ผลลัพธ์ของธุรกิจ ไม่ว่า Engagement หรือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นทางใดก็ทางหนึ่งนั่นเองนะครับ

• ข้อมูลจากงาน : AP Thailand Presents MARKETING INSIGHT & TECHNOLOGY CONFERENCE 2024
• ผู้บรรยาย : คุณชญาตา พรหมใจรักษ์ (General Manager of Content Shifu)

ถ้าคุณกำลังมองหาพาร์ตเนอร์คู่คิดช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านการตลาดออนไลน์ Social Media Marketing, Paid Media และ KOL / Influencer Marketing สามารถ คลิก มาหา ‘ทีมคลิสค์’  ได้เสมอ พวกเรายินดีให้คำปรึกษาพร้อมแนวทางที่ดีที่สุดโดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ด้านออนไลน์