Engagement พุ่งไม่รู้ตัว! แค่เลือก Content ให้กับ Social Media!

เราเคยมีคำถามที่สงสัยกันไหมครับ เวลาที่เราลง Content ที่เหมือนกันในทุก Social Media นั้นสามารถทำได้หรือไม่? แล้วยิ่งลงคอนเท้นท์ที่เหมือนกันในทุก Social Media จะช่วยเพิ่มหรือลดยอด Engagement ของ Social Media ที่เรามีหรือไม่? มาหาคำตอบกันในบทความนี้กันครับ

ในความเป็นจริงแล้ว การโพสต์ Content ประเภทเดียวกันแต่งหลากหลายช่องทางเป็นเรื่องที่ทำได้อยู่ครับ แต่ถ้าเราปรับ Content ให้มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป แต่ยังคงมีความเหมาะสม ไม่หลุดประเด็นที่ต้องการสื่อสาร จะช่วยเพิ่ม Engagement การรับชมได้มากกว่า เพราะอะไรนั่นหน่ะหรอ? เพราะว่า Content มีความตรงกับพฤติกรรมการรับสื่อของผู้รับชมในช่องทาง Social Media นั้น หากผู้ใช้งานในช่องทางที่คุณใช้มีพฤติกรรมชอบรับชม VDO มากกว่า แต่เรานำเสนอ Content เป็นรูปแบบรูปภาพแทน ยอดการเข้าชมก็อาจจะยังมีอยู่ แต่ไม่ได้ดีไปกว่า Content ประเภท VDO ส่งผลให้ Content นั้นได้ Engagement น้อยกว่าปกติ เป็นต้น

ทีมงาน Clisk จึงสรุปประเภทของ Content ที่เหมาะสมกับแต่ละ Social Media หลักที่หลายแบรนด์หรือหลายองค์กรนิยมใชกันในปัจจุบันมาฝากทุกคนกันครับ เริ่มจาก…

1. FACEBOOK :: VDO, Live VDO, บทความจากบล็อค, รูปภาพ และคอนเท้นท์จากแหล่งอื่นที่
2. INSTAGRAM :: ภาพถ่ายคุณภาพสูง, Quote สั้นๆ และ Instagram Stories
3. TWITTER :: ข่าวสาร, ข้อความสั้นๆ , รูปภาพ, VDO ไม่เกิน 2.20 นาที

รูปแบบ Content ที่เหมาะกับ Facebook เป้าหมายหลักของการใช้ Facebook คือการทำให้คนพบเห็นและรู้จักแบรนด์ รวมไปถึงการสร้างปฏิสัมพันธ์ หรือที่รารู้จักกัน คือ Engagement ที่เกิดขึ้นระหว่างแบรนด์และผู้ติดตาม โดยผู้ที่ให้ความสนใจ Content ในช่วงหลังนี้ จะหันเหไปชอบ Content รูปแบบวิดีโอ(Video) และวิดีโอสด (Live Video) มากขึ้น และได้ถูกยกให้เป็นรูปแบบ Content ที่เหมาะสำหรับหน้าเพจ Facebook มากที่สุด ด้วยพฤติกรรมของผู้ใช้ Facebook ชอบ Content ที่เข้าใจง่าย รวดเร็ว และมีการแอบแฝงด้วยความสนุกสนาน ทำให้ Content ประเภทวิดีโอตอบโจทย์ในเรื่องนี้และมีอัตราการรับชมที่สูงขึ้น ดูได้จากข้อมูล Insight ด้านหลังบ้านของ Facebook ครับ

รูปแบบ Content ที่เหมาะกับ Instagram เป็นช่องทาง Social Media ที่ผู้ชมให้ความสำคัญกับรูปภาพและวิดีโอ ซึ่งผู้ใช้งานจะเลือกโพสต์รูปภาพหรือ VDO ที่ดีและมีคุณภาพความคมชัดของภาพมากที่สุด ทำให้ผู้ที่เข้ามาชมมีความรู้สึกที่ดีเมื่อพบเห็น มีการกดถูกใจ และมีพฤติกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งธรรมดาๆ ให้ดูสวยงามมากขึ้น แบรนด์ที่ต้องการการมีส่วนร่วมจากวัยรุ่น หรือหนุ่มสาววัยทำงานที่เป็นผู้ใช้ Instagram เหล่านี้ จะต้องใช้รูปภาพที่มีความสวยงามนำเสนอออกมาได้อย่างมีศิลปะ ตัวอย่างเช่น

และในส่วนของ Instagram Stories ผู้ใช้สามารถโพสต์รูปภาพ, VDO หรือข้อความที่ต้องการเสนอ ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันในแต่ละวันได้ สร้างความแตกต่างจากเดิมที่แบรนด์เคยทำมา ทำให้ไม่เกิดความจำเจ และยังเป็นโอกาสที่จะนำเสนอสิ่งใหม่จากแบรนด์อีกด้วย Instagram Stories จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะโพสต์ของ Instagram Stories มีระยะเวลาการปรากฏแค่เพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น

คุณสามารถใช้ Instagram Stories เพื่อทำการตลาดได้หลากหลายแนวทาง ตัวอย่างเช่น

• Story telling : เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ต้องการ
• How-To or Tutorials : บอกเล่าข้อมูลการใช้งาน
• Blog Promote : โปรโมทบล็อก
• Promotions : ข้อเสนอและโปรโมชั่นในช่วงเวลานั้น
• Giveaways and Discount Coupons : แจกของรางวัล คูปองส่วนลด
• Share Quotes and Inspiration : แบ่งปันคำคม หรือข้อความสร้างแรงบันดาลใจ
• News and Updates : ประกาศข่าวสาร ข้อมูลอัพเดท

รูปแบบ Content ที่เหมาะกับ Twitter เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับการแบ่งปันข่าวสารใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมธุรกิจของคุณ ข่าวสารของบริษัท หรือบอกเล่าถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่กำลังจะออกมาในตลาด นอกจากนี้ Twitter ยังเหมาะกับการโพสต์ภาพที่บอกเล่าเรื่องราวที่เราต้องการสื่อสารไม่เกิน 4 รูปภาพ และ VDO สั้นๆ ที่มีความยาวไม่เกิน 2.20 นาที
ตัวอย่างรูปภาพ

สรุป จะเห็นได้ว่าในแต่ละ Social Media เองนั้นก็มี Content ที่เหมาะสมกับผู้ชมที่เป็น Target ของตัวเองอยู่ ดังนั้น การเลือก Content ให้เหมาะกับผู้ชมจะช่วยเพิ่มยอด Engagement ได้จริง ส่งผลให้ยอด Engagement รายเดือนของเพจคุณดีขึ้น และอาจเพิ่มยอด Like เพจให้สูงมากกว่าการโพสต์ Content ที่ไม่ตรงกับผู้ชมในแต่ละ Social Media อีกด้วย และคุณจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มคนที่เป็นผู้ติดตามเพจของคุณ โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจว่า Content อะไรที่กลุ่มเป้าหมายของคุณให้ความสนใจมากที่สุดครับ

หากเพจของคุณกำลังมองหา Partner ที่จะช่วยคุณสร้างแบรนด์ สร้างคอนเท้นท์ที่ดี พร้อมการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการ และพร้อมให้คำปรึกษา ให้ Clisk Thailand ของเราช่วยสร้างแบรนด์ของคุณได้นะคะ ติดต่อคลิสค์ได้ที่ 0-2060-6977 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09:00 น. – 18:00 น.